โดย เคิร์ก โคนิกสบอเออร์, corporate vice-president for Microsoft Office
เมื่อเร็วๆ นี้ ไมโครซอฟท์ได้ประกาศให้บริการด้านการสื่อสารใหม่ของ Office 365 ที่ถูกออกแบบมาเพื่อปฏิรูปประสบการณ์เสียง วิดีโอ และการประชุมให้ทันสมัย พร้อมทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่ายโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารขององค์กรลงได้อย่างชัดเจน โดยองค์กรสามารถทดแทนระบบการประชุมและโทรศัพท์แบบ PBX แบบดั้งเดิมด้วยระบบบริการแบบใหม่จาก Skype for Business ที่สามารถผสมผสานอย่างเป็นธรรมชาติกับ Office 365 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ทั่วโลกใช้กันมากที่สุด เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกัน นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ใหม่ๆ เกี่ยวกับความปลอดภัยและการวิเคราะห์ข้อมูลที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถปกป้ององค์กรและเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงลึกได้ดีมากยิ่งขึ้น
ประสิทธิภาพการทำงานที่ขับเคลื่อนด้วยการสื่อสาร
จากความเชื่อที่ว่า ประสิทธิภาพนั้นจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการทำงานร่วมกันที่ดี และการทำงานร่วมกันจะดีได้ขึ้นอยู่กับการสื่อสารที่ยอดเยี่ยม ดังนั้นการสื่อสารจึงมีความสำคัญมาก ไม่ว่าจะผ่านทางแชท การโทรคุยสั้นๆ อย่างรวดเร็ว หรือจะเป็นการนัดประชุมที่มีการเตรียมการทั้งเสียง วิดีโอ การแชร์เนื้อหาไว้แล้วล่วงหน้าก็ตาม ไมโครซอฟท์ เล็งเห็นความสำคัญของการสื่อสารดังกล่าว จึงได้พัฒนา Skype for Business ให้มีความสามารถมากขึ้น โดยเริ่มจากการผสมผสาน Skype for Business ให้เป็นส่วนหนึ่งของการทำงานใน Office เพื่อสร้างความต่อเนื่องในการสื่อสารและการทำงานร่วมกันให้แก่พนักงานได้ตลอดเวลา ส่วนบริการใหม่ๆ ที่ไมโครซอฟท์เพิ่มเข้ามา เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบการสื่อสารให้ดีมากยิ่งขึ้นสำหรับองค์กรและพนักงาน ได้แก่ PSTN Conferencing ซึ่งเป็นบริการการประชุมผ่านโทรศัพท์ เพียงโทรเข้ามายังเบอร์ที่กำหนด ก็สามารถเข้าร่วมประชุมได้ทันที Skype Meeting Broadcast คือ วิธีการจัดการประชุมออนไลน์แบบ Broadcast พร้อมกันทั่วโลก สามารถเข้าร่วมประชุมพร้อมกันได้สูงสุดถึง 10,000 คน โดยผ่านเบราว์เซอร์หรืออุปกรณ์ใดๆ ก็ได้ (ดูการทำงานจริง) Cloud PBX หรือ ระบบโทรศัพท์ผ่านคลาวด์ ที่สามารถใช้แทนระบบ PBX ได้ โดยมี Office 365 เป็นศูนย์กลางการจัดการการสื่อสารให้แก่ผู้ใช้บริการ และ PSTN Calling แผนการโทร (Call plan) จาก Office 365 ที่ช่วยให้การบริหารจัดการโทรศัพท์ง่ายและประหยัดขึ้น เพราะลูกค้าไม่ต้องติดตั้งเซิร์ฟเวอร์เอง
บริการใหม่ของไมโครซอฟท์ ไม่ใช่แค่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้เท่านั้น เพราะในปัจจุบันเราใช้เวลาเกือบ 1 ใน 3 ของการทำงานไปกับการประชุม แต่มีเพียง 18 เปอร์เซ็นต์ของพนักงานเท่านั้น ที่ใช้ข้อมูลและเครื่องมือในการประชุมที่ให้ประสบการณ์ยอดเยี่ยม เช่น วิดีโอหรือการแชร์เนื้อหา แต่เมื่อพิจารณากันดูดีๆ จะเห็นว่า เกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ในการสื่อสารของเรา เป็นการสื่อสารในลักษณะที่ไม่ใช้คำพูด ดังนั้น การหันมาใช้เครื่องมือสื่อสารที่ทันสมัยจะสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกันได้อย่างชัดเจน ด้วยเหตุนี้ ไมโครซอฟท์จึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อตอบโจทย์แนวโน้มนี้อย่างต่อเนื่อง
ระบบเครือข่ายที่เชื่อมโยงคู่ค้าต่างๆ เข้าด้วยกัน
ในปัจจุบัน องค์กรต่างๆ ให้ความสำคัญกับการมีคู่ค้าทางธุรกิจ ไมโครซอฟท์ก็ให้ความสำคัญกับคู่ค้าที่ช่วยขยายคุณค่าให้กับบริการ Office 365 เช่นกัน โดยได้ร่วมมือกับผู้ดำเนินการโทรคมนาคมที่ให้การเชื่อมต่อเครือข่ายคุณภาพสูงและปลอดภัย และเสนอบริการที่ช่วยให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดจากบริการใหม่ของ Skype for Business ซึ่งได้แก่ BT Global Services, Orange Business Services, SoftBank, TATA Communications และ Telstra
ส่วน Polycom คู่ค้าสำคัญอีกราย ได้มอบโซลูชันใหม่ล่าสุดสำหรับการประชุมทางเสียง ซึ่งได้แก่ Polycom® RealPresence Trio™ สำหรับการใช้งานแบบกลุ่ม และโทรศัพท์เดสก์ท็อป Polycom® VVX® ซึ่งเป็นโทรศัพท์รุ่นแรกที่มีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับใช้ร่วมกับบริการใหม่จาก Skype for Business
และ Genesys ได้ออกแบบแอปพลิเคชันบนแพลตฟอร์มของไมโครซอฟท์ พร้อมมอบโซลูชัน เช่น แอปพลิเคชันศูนย์บริการลูกค้าที่ใช้งานร่วมกับ Skype for Business และ Office 365 ได้อย่างกลมกลืนและราบรื่น
คุณค่าที่เพิ่มมากขึ้นจากฟีเจอร์ความปลอดภัยและการวิเคราะห์ข้อมูล
นอกเหนือจากความสามารถใหม่ๆ ของ Skype for Business แล้ว ไมโครซอฟท์ยังได้พัฒนาฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการวิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการด้านข้อมูล เชิงลึก ช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ พร้อมความปลอดภัยด้านข้อมูล ฟีเจอร์ใหม่ๆ เหล่านั้นได้แก่ Delve Analytics ฟีเจอร์ที่รายงานความสัมพันธ์ของข้อมูล การสื่อสาร และเอกสารต่างๆ ภายในองค์กร เพื่อการวิเคราะห์และกำหนดนโยบายการบริหารงานในองค์กรได้อย่างเหมาะสม Power BI ฟีเจอร์ที่ช่วยรวบรวมข้อมูลทางธุรกิจจากแหล่งต่างๆ สร้างขึ้นเป็นรายงานที่ช่วยให้มองเห็นภาพรวมได้อย่างชัดเจน Customer Lockbox ฟีเจอร์ที่ช่วยปกป้องข้อมูลบนคลาวด์ ด้วยการเข้ารหัสถึงระดับฮาร์ดแวร์ที่มีความปลอดภัยสูง ลูกค้าสามารถเลือกได้ว่าใครบ้างที่จะสามารถมองเห็นข้อมูลบนคลาวด์ได้ Advanced eDiscovery ฟีเจอร์ที่ช่วยค้นหาและตรวจสอบการทำงานของพนักงานที่เข้าข่ายฝ่าฝืนกฎระเบียบขององค์กร สามารถช่วยฝ่ายตรวจสอบ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น และสุดท้าย Advanced Threat Protection ฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยจัดการกับไวรัสและมัลแวร์ทุกแบบโดยเฉพาะที่ไม่รู้จัก ด้วยวิธีการวิเคราะห์พฤติกรรม ทั้งยังสามารถตรวจสอบย้อนกลับหาผู้ที่พยายามโจมตีระบบขององค์กรได้อีกด้วย
ไมโครซอฟท์ตั้งใจมอบคุณค่าใหม่ๆ เหล่านี้ให้แก่ลูกค้าองค์กรได้มีโอกาสสัมผัสพร้อมกันแล้ววันนี้ กับ Office 365 Enterprise E5 ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟีเจอร์ใหม่ๆ และสถานการณ์สมมติในการทำงานด้วย Office 365 โปรดเยี่ยมชม Office.com/enterprise
– เคิร์ก โคนิกสบอเออร์