คงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ระบบเครือข่ายไร้สายนั้นมีส่วนสำคัญยิ่งในปัจจุบัน เพราะอิทธิพลของอินเทอร์เน็ต โซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก ฯลฯ ทำให้ทุกคนต่างมีความต้องการเข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ต และระบบเครือข่ายไร้สายหรือ Wi-Fi ก็ถือว่าเป็นช่องทางที่สะดวกมากที่สุด และมีคนนิยมใช้มากที่สุดเช่นกัน
อะไรที่มีคนนิยมใช้มากที่สุด ก็ย่อมตกเป็นเป้าหมายของคนอีกกลุ่มหนึ่ง ที่เรามักจะรู้จักกันดีในนาม “แฮกเกอร์” ที่ผ่านมาหลายคนคงเคยได้ยินข่าวคราวเป็นระยะๆ ที่เกี่ยวข้องกับแฮกเกอร์ในการพยายามแฮกหรือโจมตีระบบความปลอดภัยต่างๆ คำว่า “แฮกเกอร์” นั้นมาจากคำว่า Hack ซึ่งหมายถึงการเจาะช่องโหว่ หรือ ทำลายระบบ ที่มีคนป้องกันไว้ ในอีกแง่หนึ่ง การแฮกนั้นก็ทำเพื่อทดสอบระบบความปลอดภัยว่ามีความแข็งแรงมากแค่ไหน มีช่องโหว่ตรงไหนบ้าง เพื่อที่จะได้แก้ไขและอุดรอยรั่วนั้น
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า การแฮกระบบเครือข่ายไร้สายนั้นทำได้ กระบวนการและวิธีต่างๆ นั้นเรียกได้ว่าพัฒนามาควบคู่กับการเริ่มต้นระบบความปลอดภัยเลยทีเดียว ซึ่งวิธีที่ผมนำมาแฉในวันนี้เรียกได้ว่าเป็นแค่วิธีการหนึ่งที่แฮกเกอร์ใช้ โดยที่ผมเองก็ไม่ได้มีความรู้เรื่องระบบเน็ตเวิร์กอะไรมากมาย แต่ก็สามารถพิสูจน์ให้คุณผู้อ่านเห็นภาพว่า แม้เป็นแค่แฮกเกอร์มือสมัครเล่น ก็สามารถใช้เครื่องไม้เครื่องมือที่มีให้ดาวน์โหลดอยู่ทั่วไปตามอินเทอร์เน็ต และนำมาแฮกระบบได้อย่างไม่ยากเย็นอะไรเลย
เครื่องมือที่แฮกเกอร์ใช้
1. โน้ตบุ๊กหรือพีซีเชื่อมต่อเน็ตไร้สายได้ โดยส่วนใหญ่มักใช้โน้ตบุ๊กกันเป็นหลัก เพราะพกพาไปใช้ตามสถานที่ต่างๆ ได้
2. ไวร์เลสการ์ด หรือ ไวร์เลสยูเอสบีอะแดปเตอร์ที่รองรับความสามารถ Package Injection (โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะทำได้ หรือเช็คกับเว็บไซต์นี้ https://www.aircrack-ng.org/doku.php?id=compatibility_drivers#which_is_the_best_card_to_buy)
3. BackTrack Linux ดาวน์โหลดได้ที่ www.backtrack-linux.org ขนาดไฟล์ประมาณ 2.6 กิกะไบต์
(หมายเหตุ : BackTrack Linux ได้เปลี่ยนเป็น Kali linux แล้ว สามารถดาวน์โหลดได้ที่ www.kali.org )
4. ไฟล์รวมคำพจนานุกรม สามารถหาได้ตามเว็บไซต์หลายแห่ง หรือจะใช้ไฟล์จากที่นี่ก็ได้ครับ https://www.breakthesecurity.com/2011/12/large-password-list-free-download.html
รู้จักกับ BackTrack Linux
BackTrack Linux คือโอเอสลินุกซ์แบบหนึ่ง พัฒนาขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์ทางด้านตรวจสอบความปลอดภัยของระบบเครือข่าย โดยภายในจะมีคำสั่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานและตรวจสอบระบบที่จำเป็นไว้ทั้งหมด รวมทั้งสามารถดักสัญญาณไวร์เลส ดับจับแพ็กเกจ หรือ Sniffer ได้ นั่นจึงทำให้แฮกเกอร์ประยุกต์ใช้ BackTrack ในการแฮกไวร์เลสแลนที่เข้ารหัสผ่านแบบ WPA หรือ WPA2 ได้ด้วยเช่นกัน
ไฟล์ Backtrack Linux ก็เหมือนลินุกซ์โอเอสทั่วไป กล่าวคือ เมื่อดาวน์โหลดมาแล้วจะได้ .iso ไฟล์ ซึ่งเราสามารถไรท์ใส่แผ่นดีวีดีแล้วนำไปบูตเครื่องแทนวินโดวส์ได้เลย หรือจะให้ล้ำกว่านั้นก็คือจับใส่แฟลชไดรฟ์ก็ได้ โดยใช้ยูทิลิตี้ชื่อ UNetbootin ดาวน์โหลดได้ที่ https://unetbootin.sourceforge.net/ ด้วยยูทิลิตี้ตัวนี้ แฮกเกอร์จะสามารถใช้แฟลชไดรฟ์บูตเครื่องเข้าใช้งาน BackTrack แทนฮาร์ดดิสก์ได้เลย วิธีการก็ง่ายมาก ดังนี้
1. เปิดโปรแกรม UNetbootin จะพบหน้าต่างดังภาพ เลือกไปที่หัวข้อ DiskImage
2. กดปุ่ม … เพื่อเลือกไฟล์ .iso ที่ต้องการ ในที่นี้คือไฟล์ BackTrack linux นั่นเอง(ตัวอย่างนี้เราใช้ BackTrack 5 R2 KDE 64bit)
3. ตรวจสอบชนิดไดรฟ์เป็น USB Drive และลำดับไดรฟ์ถูกต้อง และกด OK ได้เลย โปรแกรมจะเริ่มเขียนไฟล์ iso ลงในแฟลชไดรฟ์ทันที รอซักครู่ก็จะได้แฟลชไดรฟ์ที่สามารถบูตเครื่องและใช้งาน BackTrack Linux ได้เลย โดยไม่ต้องติดตั้ง
4. ก็อปปี้ไฟล์พจนานุกรม ขนาดประมาณ 800 เมกะไบต์ที่ได้ดาวน์โหลดเตรียมไว้แล้ว ใส่แฟลชไดรฟ์ เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ