“GOLD ELITE” เตรียมสยายปีก 6 สาขาปักธงทั่วเอเชีย มั่นใจ 2 ปียอดโต 400 เปอร์เซ็นต์

นายสุทธิเกียรติ กิตติภัทรากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชัวร์ ไลฟ์ เทเลคอม จำกัด  กล่าวว่า บริษัทฯ มีประสบการณ์ในวงการมือถือมานานถึง 11 ปี  เป็นผู้ค้าส่งที่มียอดจำหน่ายสูงติดอันดับ 3 ของประเทศไทย เราคัดสรรสินค้า Smart Phone, Tablet, Accessory, และ Gadget ชั้นนำเน้นคุณภาพและดีไซน์หลากหลายจากทั่วทุกมุมโลก มาสู่ตลาดเมืองไทย  อีกทั้งยังนำเข้า และจัดจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ระดับไฮเอ็นท์อย่างเป็นทางการภายใต้แบรนด์  GOLD ELITE PARIS  ที่โทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วยทองคำบริสุทธิ์ 24K (99.9%) ผสมผสานเทคนิคการผลิตขั้นสูงของงาน fine jewelry (ไฟน์ จิวเวลรี่) บนตัวเครื่องโทรศัพท์ ให้มีรูปลักษณ์สุดหรูครั้งแรกในประเทศไทย บริษัทฯ มองว่าตลาดมือถือสมาร์ทโฟนปัจจุบันยังมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่จะมีรูปแบบไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปในการสร้างความแตกต่าง ความโดดเด่นให้กับตัวสินค้ามากกว่าแต่ก่อน โดยจะเน้นการโฟกัสในเรื่องของผลงานการดีไซน์ของตัวสินค้ามากกว่าการคำนึงถึงราคาและจำนวนยอดขายที่ถือว่าเป็นที่น่าพอใจอยู่แล้ว เพราะเทรนด์ปัจจุบันมือถือได้กลายเป็นเฟอร์นิเจอร์ประจำตัวของบุคคลแต่ละคนที่ใช้หรือพกพาไปแล้ว ที่บ่งบอกถึงตัวตน โดยไม่จำเป็นต้องใช้คำพูด”

ล่าสุด บริษัทได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ บริษัท ไทยซัมซุงอิเลคโทรนิคส์ จำกัด ซึ่งถือเป็นบริษัทจัดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือเจ้าแรกในประเทศไทยที่เราได้ร่วมทำธุรกิจด้วยอย่างเป็นทางการ  โดยนำร่องในการนำ Samsung Galaxy S7 edge รุ่นใหม่ ที่ถือเป็นมือถือตัวท็อปโมเดลของซัมซุงที่ได้นำมาทำเป็นเวอร์ชั่นของ Gold Elite  ซึ่งเป็นทองคำเวอชั่น พร้อมบวกกับได้สิทธิพิเศษจากทาง Gold Elite ด้วย สำหรับ Gold Elite S7 edge  จำหน่ายในราคา 129,000 บาท ได้วางจำหน่ายแล้วในขณะนี้ และ Gold Elite Note7 24K จำหน่ายในราคา 149,000 บาท ซึ่งจะวางจำหน่ายปลายเดือนกันยายนนี้ พร้อมการรับประกัน 14 เดือน โดยมี ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต ประเดิมเป็นเครื่องแรกของโลก

“บริษัทตั้งเป้าภายในปี 2560 จะขยายเปิดแฟลคชิปสโตร์ให้ครอบคลุมในตลาดแถบภูมิภาคเอเชียรวมทั้งหมด 6 สาขา จากปัจจุบันมีแฟลคชิปสโตร์ที่มีอยู่ในประเทศไทย ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอมบาสซี่ และ เพนินซูลา ฮ่องกง  โดยจะขยายเพิ่มอีก 4 ประเทศ ได้แก่ เซียงไฮ้,อินโดนีเซีย,มาเลเซีย และ มาเก๊า คาดว่าจะต้องใช้งบลงทุนต่อละสาขาราว 100 ล้านบาท โดยเบื้องต้นตั้งเป้าโฟกัสในย่านช้อปปิ้งมอลล์สำหรับคนมีกำลังซื้อสูง และเข้าไปร่วมกับพาร์ทเนอร์ในร้านจิวเวอรี่ของประเทศต่าง ๆ 

นอกจากนี้บริษัทฯ เตรียมแผนดำเนินการทางธุรกิจไว้อีกสี่โปรเจค ดังนี้ 1.บริษัทได้มีการร่วมกับมหาวิทยาลัย Oxford University ในหลักสูตรพิเศษสำหรับการรวมผู้บริหารระดับซีอีโอทั่วโลก ในการอบรม และมอบมือถือ Gold Elite แทนใบรับปริญญา  2.บริษัทได้ทำการสร้าง Gold Elite Limited Edition โดยใช้กลยุทธ์การตลาดแบบ influencer  หรือการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านดารา เซเลป ผู้มีชื่อเสียงในประเทศฮ่องกงออกมา 5 เวอร์ชั่น เพื่อส่งเสริมไลฟ์สไตล์ และการ Charity ระหว่างประเทศจีนและประเทศไทย  3.บริษัทกำลังมีการดำเนินการติดต่อและส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อหรือต้องการความพิเศษในการเดินทางมาท่องเที่ยวหรือเดินทางมาทำธุรกิจในประเทศไทยที่ใช้มือถือของ Gold Elite  สามารถเดินทางเข้ามาในประเทศไทยอย่างสะดวกสบายได้ราว 5 ปี โดยไม่ต้องกลับไปบ้านเกิดเพื่อไปแสตมป์วีซ่า และจะได้รับสิทธิพิเศษในการให้บริการแบบแอคคูลซีฟมากมายตลอดระยะเวลาในการอยู่ประเทศไทย และ 4.จากที่บริษัท Gold Elite ร่วมกับ Samsung Thailand ทำให้เราสามารถร่วมมือกับ Big Brand 1 ใน 3 ของ Operator เมืองไทยได้สำเร็จ สามารถเชื่อมโยงความเป็นเอกลักษณ์ และ Luxury ระหว่างประเทศได้สำเร็จ

ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มียอดจำหน่ายสินค้าไปราว 1,000 กว่าเครื่อง เป็นกลุ่ม คอเปอเรท 30 % และกลุ่มยูสเซอร์อีก  70 %  ในปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 200 ล้านบาท และตั้งแต่ช่วงต้นปีของปี 59 นี้จนถึงปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของเราก็ยังได้รับการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดขายเติบโตถึง 25% – 30% และคาดว่าภาพรวมทั้งปีนี้จะคงมีอัตราการเติบโตมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นช่วงปลายปีนี้จะที่มือถือรุ่นใหม่ออกมาจำหน่ายหลายรุ่น ซึ่งหลังจากที่บริษัทร่วมมือกับไทยซัมซุงอิเลคโทรนิคส์ และมีโมเดลอีกหลายรุ่นที่คาดว่าจะทำร่วมกันอีกในอนาคต  ทำให้มั่นใจว่าอีกภายใน 2 ปี บริษัทจะมีรายได้โตขึ้นประมาณ 400% อย่างแน่นอน นายสุทธิเกียรติ กล่าว