ฟิตบิท(NYSE: FIT) ผู้นำอุปกรณ์แวร์เอเบิลระดับโลก ประกาศวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ Fitbit Versa 2™ รุ่นใหม่ล่าสุดของสมาร์ทวอทช์ยอดนิยมในตระกูล Fitbit Versa™ โดย Versa 2 นำเสนอดีไซน์ที่ออกแบบมาเพื่อให้สามารถกันน้ำได้อย่างแม่นยำ และยังมีฟีเจอร์ใหม่อย่าง Sleep Score และ Smart Wake ซึ่งเป็นวัตกรรมที่ช่วยยกระดับการมีสุขภาพดี การออกกำลังกาย รวมถึงรูปแบบการใช้ชีวิตที่ง่ายดายยิ่งขึ้น[i]นอกจากนี้ Versa 2 ยังเปิดตัวด้วยไมโครโฟนในตัวเครื่อง เพื่อให้สามารถใช้งานผ่านเสียงกับ Amazon Alexa ได้เป็นครั้งแรก รวมไปถึงแอปพลิเคชันแห่งเสียงเพลงอย่าง Spotify เพื่อให้ผู้ใช้สามารถควบคุมการเล่นดนตรีผ่านแอปได้จากเครื่อง และยังมาพร้อมกับ Fitbit PayTM ในทุกเครื่อง[ii] นอกจากนวัตกรรมล้ำสมัยภายในเครื่อง Versa 2 ยังมีประสิทธิภาพการใช้งานที่รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยมีแอปพลิเคชันและรูปแบบหน้าปัดที่ใช้งานได้กว่าพันกว่ารายการ นอกจากนี้ยังมีดิสเพลย์ที่สว่างและสวยงามยิ่งขึ้น รวมถึงสามารถเลือกใช้งานโหมด always-on สู่การเป็นเพื่อนคู่แท้ด้านการมีสุขภาพดีและการออกกำลังกายตลอด 24 ชั่วโมง โดยสามารถใช้งานได้นานกว่า 5 วัน ทั้งหมดนี้อยู่ในราคาที่ใกล้เคียงกับรุ่นก่อนอย่าง Versa[iii]
“ฟิตบิทเชื่อว่าการมีสุขภาพที่ดีควรเป็นของทุกๆ คน และผู้บริโภคไม่ควรต้องถูกกีดกันด้านการเข้าถึงการใช้งานอุปกรณ์สมาร์ทวอทช์ที่ช่วยพัฒนาด้านสุขภาพของพวกเขาด้วยปัจจัยเรื่องราคา และนั่นคือสาเหตุที่เราออกแบบ Versa 2 ให้เป็นสมาร์ทวอทช์ระดับพรีเมียมที่มีฟีเจอร์ครบครัน แต่คงความใช้งานง่ายในราคาที่จับต้องได้” นายเจมส์ ปาร์ค ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของฟิตบิท กล่าว “เราได้มีการต่อยอดความสำเร็จของอุปกรณ์ที่ขายดีที่สุดของเราอย่าง Versa โดย Versa 2 เป็นการเพิ่มฟีเจอร์และนวัตกรรมใหม่ๆ อาทิ Alexaแอปพลิเคชันส่วนขยายของ Spotify และฟีเจอร์ที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพการนอนที่มีความทันสมัย โดยเรามุ่งหวังให้ผู้ใช้สนใจการใช้งานสมาร์ทวอทช์กันมากขึ้น และเพื่อให้พวกเขามีสุขภาพที่ดีขึ้นได้ในที่สุด”
การนอนหลับที่ดีกว่าสู่วันที่แอคทีฟกว่าเดิม
การนอนหลับเป็นรากฐานที่สำคัญของการมีสุขภาพกายและใจที่ดี และจากผลสำรวจล่าสุดของ Fitbit เราพบว่า สองในสาม หรือราว 64% ของผู้ตอบแบบสอบถามให้ความสำคัญกับการนอนเป็นอันดับแรก ทว่าหนึ่งในสาม ของผู้ใหญ่ชาวอเมริกันกลับรู้สึกว่าตนเองพักผ่อนไม่เพียงพออยู่เป็นประจำ[iv] Fitbit ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกด้านนวัตกรรมแวร์เอเบิลด้านการนอนมากว่า 10 ปี สามารถนำข้อมูลที่เคยเข้าถึงได้เฉพาะบุคลากรทางการแพทย์มาไว้บนข้อมือของผู้ใช้งาน ในฐานะที่เป็นผู้นำด้านการติดตามพฤติกรรมการนอน เราจึงพัฒนาสิ่งที่ได้เรียนรู้มากว่า 1.5 แสนล้านคืนเพื่อพัฒนาการดูแลสุขภาพด้านการนอนหลับให้ดียิ่งขึ้น โดยฟีเจอร์ใหม่เหล่านี้ ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าใจพฤติกรรมการนอนของตนเอง แต่ยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถแก้ไขหรือพัฒนาการนอนให้ดียิ่งขึ้น:
- Sleep Score: ผู้ใช้สามารถดูคะแนนด้านการนอนหลับได้ในแอปพลิเคชัน Fitbit® เพื่อดูข้อมูลด้านคุณภาพการนอนของตนเอง โดยคะแนนเหล่านี้จะมาจากการติดตามอัตราการเต้นของหัวใจ (ระดับการพักผ่อนและนอนหลับ) ความกระสับกระส่ายในช่วงเวลานอน เวลาที่ตื่นและระดับการนอนหลับ หรือ Sleep Stage และหากต้องการดูรายละเอียดเรื่อง Sleep Score ที่มากขึ้น ผู้ใช้ยังสามารถดูได้จากการอัปเกรดสมาชิกเป็น Fitbit Premium. [v]
- Smart wake: จะสามารถใช้งานได้บนสมาร์ทวอทช์ทุกรุ่นเร็วๆ นี้ โดยฟีเจอร์ Smart Wake นี้ จะใช้ระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการปลุกคุณให้ตื่นเมื่อถึงเวลาตื่นที่เหมาะสม เมื่ออยู่ในช่วง Light หรือ REM ของการนอนหลับ โดยจะปลุกจากการตั้งค่าและจะเว้นช่วงครั้งละ 30 นาที เพื่อให้ผู้ใช้สามารถตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่นได้[vi]
- Sleep Mode: เมื่อตั้งการใช้งานในโหมดนี้ เครื่องจะหยุดการทำงานของการแสดงค่าบนหน้าจอและปรับการตั้งค่าเตือนให้อยู่ในโหมดเงียบ เพื่อให้ผู้ใช้ไม่ถูกรบกวนตลอดคืน Sleep Mode ยังสามารถใช้งานได้ ทุกๆ ครั้งที่ผู้ใช้ไม่ต้องการการรบกวน เช่นเมื่อกำลังประชุมหรือออกกำลังกาย[vii]
- Estimated Oxygen Variation Graph: อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่จะสามารถให้บริการได้ในเร็วๆ นี้ เป็นกราฟแสดงผลที่ช่วยให้ผู้ใช้เห็นระดับอ็อกซิเจนในเลือดของตนเอง ซึ่งข้อมูลดังกล่าวจะถูกวัดด้วยเซ็นเซอร์เรดและอินฟราเรดที่อยู่ด้านหลังของเครื่อง การรู้ค่าอ็อกซิเจนในเลือดในระยะสั้นจะช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจเรื่องการหายใจขณะนอนหลับได้มากขึ้น
นอกจากนวัตกรรมด้านสุขภาพที่เสริมเข้ามาแล้ว Versa 2 ยังมีฟีเจอร์การใช้งานอื่นๆ ที่มีอยู่ใน Fitbit รุ่นก่อนที่ผู้ใช้งานชื่นชอบ อาทิ การแทร็กกิจกรรมระหว่างวัน PurePulse® 24/7 การวัดอัตราการเต้นของหัวใจ การตั้งค่าการทำกิจกรรมตามเป้าหมายทั้ง 15+ โหมด การเชื่อมต่อกับ GPS และระบบกันน้ำได้ถึง 50 เมตร เป็นต้น
อเล็กซ่า ช่วยทำให้ฉันมีสุขภาพดีได้ไหม
ใช่แล้ว คุณสามารถใช้งาน Alexa ได้บน Versa 2 ด้วยไมโครโฟนที่ถูกฝังในเครื่อง ทำให้ Versa 2 เป็นสมาร์ทวอทช์รุ่นแรกของ Fitbit ที่สามารถใช้งานและควบคุม Alexa ผ่านเสียงได้จากเครื่อง ทำให้ผู้ใช้สามารถนำผู้ช่วยส่วนตัวอย่าง Alexa ออกนอกบ้านมาอยู่บนข้อมือได้เพื่อเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยของการมีสุขภาพดี เช่นการสั่งให้ใช้งาน Fitbit Exercise จากข้อมือ การค้นหาสถานที่ออกกำลังกายที่ใกล้ที่สุด หรือแม้แต่การค้นข้อมูลของอาหารที่ทาน เป็นต้น [viii]
นอกจากนี้ Alexa ยังโต้ตอบการสั่งงานผ่าน Versa 2 ด้วยการโต้ตอบผ่านข้อความบนหน้าจอ เพื่อความเป็นส่วนตัว เพียงกดปุ่มและพูดผ่านไมโครโฟนก็สามารถใช้งาน Alexa บน Versa 2 ได้แล้ว Alexa ยังสามารถให้ความช่วยเหลือผู้ใช้งานในด้านอื่นๆ ในแต่ละวันได้อีกด้วย เช่นการตั้งนาฬิกาปลุกหรือการตั้งเวลา การเช็คสภาพอากาศและข่าวสารต่างๆ หรือแม้แต่การควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ภายในบ้าน และอื่นๆ อีกมากมายผ่านการสั่งงานด้วยเสียง[ix]
เพิ่มสมาร์ทฟีเจอร์เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีกว่า
นอกจาก Alexa ที่พร้อมใช้งานในเครื่องแล้ว Versa 2 ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์อื่นๆ ที่จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตระหว่างวัน ไม่ว่าจะเป็น Fitbit Pay ในทุกๆ รุ่น เพื่อช่วยให้การชำระเงินโดยไม่ใช้กระเป๋าเงินหรือโทรศัพท์เป็นเรื่องง่ายและปลอดภัยยิ่งกว่าเดิม ไม่ว่าจะใช้งานที่ร้านสะดวกซื้อหรือระบบการคมนาคมต่าง เช่น New York MTA OMNY, TransLink in Vancouver, Transport for London (TfL) และ Taiwan iPASS.[x]
นอกจากนี้ Fitbit ยังนำแอปพลิเคชัน Spotify มาใส่ไว้ใน Versa 2 เพื่อให้ผู้ใช้งาน Spotify Premium สามารถฟังเพลงหรือพอร์ดแคสท์เพื่อสร้างแรงจูงใจผ่านข้อมือได้ตลอดวัน[xi] แอป Spotify ยังทำให้คุณสามารถควบคุมการเล่นซ้ำ เปลี่ยนเพลย์ลิสท์ หรือเปลี่ยนเพลง ได้อย่างง่ายดาย เพื่อให้คุณสามารถสร้างแรงจูงใจในการออกกำลังกายผ่านเสียงเพลงอย่างไม่มีสะดุดได้เพียงปลายนิ้ว[xii]นอกจากนี้ Versa 2 ยังมีความสามารถในการเก็บเพลงได้มากกว่า 300 เพลงจากไลบรารี่ส่วนตัว รวมถึงการใช้งานสถานีเพลง Pandora และการใช้งานเพลย์ลิสท์บน Deezer อีกด้วย[xiii]
และเพื่อช่วยให้การใช้ชีวิตของคุณง่ายขึ้น Versa 2 ยังอัดแน่นด้วยสมาร์ทฟีเจอร์ต่างๆ อย่างการตั้งเตือนจากสมาร์ทโฟน เพื่อให้คุณสามารถเห็นแอปพลิเคชัน ข้อมูลโทรศัพท์ ปฏิทิน หรือข้อความต่างๆ ได้จากข้อมือของคุณ[xiv] สำหรับผู้ใช้งานผ่านระบบแอนดรอยยังสามารถใช้ไมโครโฟน ฟังก์ชันในการพิมพ์ข้อความต่างๆ ผ่านข้อมือของคุณอีกด้วย[xv] นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถเลือกใช้งานแอปพลิเคชันและหน้าปัดนาฬิกากว่า 3,000 รายการ เพื่อสร้างข้อมูลและสถิติต่างๆ ไว้ในที่เดียว
การทำงานที่ดีขึ้น มาพร้อมกับการออกแบบที่สวยงาม
เพื่อประสิทธิภาพการทำงานของฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ดียิ่งขึ้น Versa 2 จึงมาพร้อมกับระบบโปรเซสเซอร์ที่เร็วมากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน นอกจากนี้ Versa 2 ยังมีจอ AMOLED ที่ใหญ่ขึ้นเพื่อประสบการณ์และการแสดงสีที่ดีกว่า รวมไปภึงความสามารถในการเลือกใช้งานระบบ always-on ซึ่งจะช่วยเพิ่มความยาวนานในการใช้งานผ่านแบตเตอรี่ได้อีกสองวัน ทำให้ผู้ใช้สามารถดูข้อมูลและสถิติต่างๆ จากข้อมือได้อย่างไม่มีสะดุด[xvi]
Versa 2 เป็นสมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่ที่สุดและมีความพรีเมียมที่สุดของ Fitbit โดยได้รับการออกแบบอย่างประณีตและแม่นยำยิ่งขึ้นเพื่อให้มีดีไซน์ที่สวยงามและเหมาะสมกับผู้ใช้งานทั่วโลก Versa 2 มีความทนทานและสามารถกันน้ำได้ในความลึกถึง 50 เมตร มีน้ำหนักเบาและให้ความรู้สึกสบายต่อผู้สวมใส่ตลอดทั้งวันและคืน นอกจากนี้ยังมีดีไซน์โค้งมนสวยงาม ตัวเรือนใช้อลูมิเนียมแบบชุบผิวด้วยเฉดสีธรรมชาติ เพื่อให้มีความสวยงามและทันสมัย และง่ายต่อการใช้งานด้วยปุ่มกดเพียงปุ่มเดียว Versa 2 ยังมาพร้อมกับหน้าปัดมันเงาให้กลิ่นอายของนาฬิกาแนวคลาสสิคอีกด้วย
ขณะที่ Versa 2 Special Edition มาพร้อมกับสายถักสี navy และ pink และตัวเรือนอลูมิเนียมสีค็อปเปอร์โรสหรือสีเทาควันบุหรี่ที่ตัดกับสายซิลิโคนสีสันสวยงาม เช่นสี navy และ olive สมาร์ทวอทช์รุ่นพิเศษทุกรุ่น จะได้รับสิทธิทดลองใช้ Fitbit Premium เป็นเวลาสามเดือนเพื่อประสบการณ์การดูแลสุขภาพแบบองค์รวมที่เหนือกว่า[xvii]
อุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานในทุกโอกาส
ฟิตบิท Versa 2 กับการออกแบบที่พัฒนายิ่งขึ้น ตอบโจทย์ทุกการใช้งานในชีวิตประจำวันไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การประกอบกิจกรรมต่างๆ หรือการออกกำลังกายที่ล้วนเป็นคุณสมบัติร่วมของ Versa family ทั้งหมด Versa 2 มาพร้อมกับรูปแบบใหม่ทั้งสีสัน วัสดุ รวมไปถึงสไตล์ การเปิดตัวครั้งใหม่นี้ให้ทางเลือกที่หลากหลายทั้งในแง่ของไลฟ์สไตล์หรือกิจกรรมต่างๆ ดังนี้:
สายแบบคลาสสิค: ป้องกันการเกิดรอย สะดวกสบาย มีความนิ่มและกันน้ำ สายซิลิโคนแบบคลาสสิคมีสีสันใหม่ให้เลือกสรรมากมาย อาทิ black, petal, stone, midnight blue และ olive
สายที่ถูกออกแบบมาเพื่อการออกกำลังกาย: Versa 2 ออกแบบมาเพื่อสอดรับกับการออกกำลังกายทุกรูปแบบรวมไปถึงลุคสปอร์ต สายลักษณะที่เป็นรูของ Versa Family นั้นถูกออกแบบมาเพื่อให้อากาศถ่ายเท สายรูปแบบใหม่นี้ประกอบด้วยสี navy, black, glacier, frost white และ coral อีกทั้งยังมีคุณสมบัติในการป้องกันการเกิดรอยต่างๆ และการเลือกใช้วัสดุซิลิโคนที่ให้ความสะดวกสบายเช่นเดียวกับสายแบบคลาสสิคสายที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล: ให้ความแวววาวกับตัวสายคาดและมาพร้อมกับสีสันที่สอดรับกับเทรนด์ใหม่ เช่น สี charcoal คาดสายสีส้ม สีชมพูคาดชมพู และ สีน้ำเงินคาดน้ำเงิน
สายหนังและหนังกลับสอดรับกับแฟชั่น: ตัวสายใช้วัสดุพรีเมียมคือ หนัง Horween และประดับตกแต่งเพิ่มด้วยหนังกลับที่ออกแบบให้มีลักษณะเป็นรูซึ่งสามารถเพิ่มความสวยงามให้กับทุกลุคไม่ว่าเป็นงานกลางวันหรืองานกลางคืน
เทคโนโลยีการกู้ภัยอันโด่งดังของ RECCO : เทคโนโลยีการกู้ภัยอันโด่งดังของRECCO ที่ถูกนำมาปรับใช้กับการผลิตสายที่ยังคงไว้ซึ่งความสปอร์ต ตัวสายออกแบบเป็นลักษณะสายถักซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกยิ่งขึ้นในการค้นหาสำหรับนักกู้ภัยมืออาชีพ นอกจากนี้ตัวสายยังถูกออกแบบให้มีการรัดอย่างปลอดภัยด้วยสายเวลโครซึ่งมีความทนทานสูงไม่ว่าจะอยู่ในกิจกรรมหรือสถานการณ์ที่เอ็กซ์ตรีมขนาดไหน นอกจากนี้การออกแบบที่ใช้ตัวสะท้อนแสงของ RECCO ยังช่วยรักษาพลังงานของอุปกรณ์ไว้ได้นานโดยไม่ต้องชาร์จ
ราคาและการวางจำหน่าย
Versa 2 มาใน สี Black กรอบคาร์บอน สี petalพร้อมกรอบอลูมิเนียมสีcopper rose และ สี stone พร้อมกรอบสี mist grey โดยราคาจำหน่ายอยู่ที่ 7,990 บาท ตัวอุปกรณ์มีราคาตั้งแต่ 960 บาท ถึง 3,200 บาท และ Versa 2 Special Edition สี Navy และ Pink พร้อม กรอบอลูมิเนียมสี copper rose และ สี Smoke พร้อมกรอบสี mist grey ราคา 8,990 บาท
Versa 2 รุ่น Exclusive edition สี emerald และ plum พร้อมกรอบสี copper rose วางจำหน่าย ช่วงปลายเดือนกันยายน 2562 ในตัวแทนจำหน่ายและร้านค้าชั้นนำ อาทิ B2S, Dotlife, King Power, Power Buy, Jaymart, Lazada ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ศูนย์การค้าโรบินสัน และ ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ ทุกสาขา