ในยุคที่เบราว์เซอร์มีความสำคัญสำหรับการใช้งานในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานทั่วไป เช่น การท่องเว็บไซต์หรือเสพสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ก็ตาม ผู้ใช้ต่างต้องการความรวดเร็วและปลอดภัยในการเปิดใช้งานและเข้าถึงเว็บไซต์ต่างๆ ด้วยโจทย์เช่นนี้ ไมโครซอฟท์จึงได้ทำการบ้านอย่างหนักเพื่อพัฒนาเบราว์เซอร์ให้สามารถตอบสนองการใช้งานของผู้ใช้ที่มึความต้องการที่แตกต่างกัน จนในที่สุด ก็ได้เปิดตัว Internet Explorer 11 และ Microsoft Edge สองเบราว์เซอร์ที่ตอบโจทย์การทำงานในรูปแบบที่แตกต่างกัน ทั้งด้านประสิทธิภาพการทำงาน ความเร็ว และการรักษาความปลอดภัย เพื่อให้ผู้ใช้ที่อัปเกรดเป็น Windows 10 ได้ประสบการณ์ใช้งานรูปแบบใหม่ในการใช้งานเบราว์เซอร์ตามอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows ทั้งหมด
Internet Explorer 11 เบราว์เซอร์เพื่อความปลอดภัยระดับองค์กร
ความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือเป็นปัจจัยหลักของการทำงานในองค์กร ไม่เว้นแม้แต่เบราว์เซอร์ที่ใช้ในการทำงานก็ยังต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเช่นกัน ไมโครซอฟท์จึงพัฒนา Internet Explorer ให้มีความปลอดภัยสูงสุด เพื่อตอบโจทย์การทำงานให้เป็นที่ยอมรับในระดับองค์กร จากการสำรวจโดย NSS Labs บริษัทรักษาความปลอดภัยอิสระ พบว่าในปี 2553 Internet Explorer 8 สามารถป้องกันมัลแวร์ได้ถึง 85% และเมื่อไม่นานมานี้ มีการรายงานเข้ามาว่า Internet Explorer 11 สามารถป้องกันมัลแวร์ต่างๆ ได้ถึง 99% ซึ่งมากกว่าเบราว์เซอร์อื่นๆ ด้วยตัวกรองมัลแวร์รูปแบบต่างๆ ที่หลากหลาย เช่น Smartscreen Filter ที่ช่วยกรองเว็บไซต์ฟิชชิ่งที่หลอกขโมยข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญต่างๆ เช่น รหัสผ่านเข้าเว็บไซต์ด้านการเงิน ข้อมูลบัตรเครดิต หรือ ตัวกรอง ActiveX ที่ช่วยป้องกันโปรแกรมต่างๆ ไม่ให้เข้าถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราได้โดยไม่ได้รับคำอนุญาต เป็นต้น นอกจากนี้ Internet Explorer 11 ยังได้พัฒนาขึ้นไปอีกระดับเพื่อตอบโจทย์การใช้งานในรูปแบบธุรกิจ เช่น การรองรับ HTML5, CSS3 และ WebGL สามารถทำงานร่วมกับเว็บแอปพลิเคชัน และบริการต่างๆ ขององค์กรได้ด้วยการใช้ Enterprise Mode ช่วยให้สามารถใช้งานด้านต่างๆ ในระดับองค์กรได้อย่างมั่นใจ
Microsoft Edge เบราว์เซอร์แบบใหม่ที่ให้ความคล่องตัว
หลายปีที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์มักจะได้รับคำถามเกี่ยวกับเบราว์เซอร์ Chrome และ Firefox ที่มีการอัปเดตอยู่ตลอดเวลา เพื่ออัปเกรดการรักษาความปลอดภัยและยังเข้ากันได้กลับเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งต่างจากวงจรการพัฒนาเบราว์เซอร์ของ Internet Explorer ที่ออกแบบระบบให้มีความปลอดภัยและรองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ตั้งแต่เริ่มแรก ส่งผลให้เบราว์เซอร์มีขนาดที่ใหญ่และมีการทำงานที่ช้าลงกว่าที่ควรจะเป็น ดังนั้น จากจุดบกพร่องนี้ จึงนำไปสู่การพัฒนาเบราว์เซอร์ใหม่อย่าง Microsoft Edge ที่จะเข้ามาถ่ายทอดประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้นจากเบราว์เซอร์ Internet Explorer เดิมที่มีอยู่ ด้วยการใช้กลไกของ Trident แบบเดียวกับที่ใช้ใน Internet Explorer แล้วนำมาพัฒนาใหม่ให้มีประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้น แต่มีขนาดที่เล็กลง ทำให้สามารถเรียกใช้งานรวมถึงเปิดเว็บไซต์ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วมากขึ้นเทียบเคียงได้กับเบราว์เซอร์ที่พัฒนาด้วยกลไกของ Chromium อย่างเช่นเบราว์เซอร์ Chrome ของ Google
ด้วยความสามารถที่ออกแบบเฉพาะตัวนี้ ทำให้ Microsoft Edge มีความแตกต่างจากเบราว์เซอร์อื่นๆ ทั้งการออกแบบใหม่ทั้งหมด ให้ใช้งานได้ง่าย สามารถรองรับอุปกรณ์ต่างๆ ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะใช้งานบนสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต แล็ปท็อป หรือบนเดสก์ท็อป โดยจะเชื่อมโยงกันผ่านระบบคลาวด์ ส่งผลให้สามารถทำงานข้ามแพลตฟอร์มกันได้อย่างสะดวก และยังรองรับอุปกรณ์ เช่น ปากกาใน Surface 3 เพื่อใช้ในการจดบันทึกข้อความลงบนหน้าเว็บ หรือที่เรียกว่า Ink on top ซึ่งจะเชื่อมโยงกับ OneNote ในการจดบันทึก รวมถึง Cortana ผู้ช่วยอัจฉริยะที่สามารถช่วยคุณค้นหาได้ทุกอย่างที่ต้องการ ทั้งยังมีระบบการจดจำและเรียนรู้ที่เข้ามาช่วยให้การค้นหาสิ่งที่ต้องการแม่นยำมากขึ้นและรวดเร็วมากขึ้นด้วย เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไปที่ต้องการความสะดวกรวดเร็วและง่ายดาย
แม้ว่า Windows 10 จะมาพร้อมกับเบราว์เซอร์พร้อมกันถึง 2 รุ่น ทั้ง Internet Explorer 11 และ Microsoft Edge ในระบบปฏิบัติการเดียวกัน แต่ทั้งคู่ก็ถูกพัฒนาขึ้นด้วยจุดประสงค์ในการทำงาน และรูปแบบที่แตกต่างกัน เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของผู้ใช้ในแต่ละด้าน ซึ่งก็มีความสำคัญด้วยกันทั้งคู่ เป็นการให้การทำงานที่หลากหลายมากขึ้น โดยไม่ส่งผลกระทบใดๆ กับประสิทธิภาพของเครื่อง เนื่องจาก Microsoft Edge มีขนาดเล็ก ใช้ทรัพยากรเครื่องน้อย จึงไม่มีความแตกต่างจากการติดตั้ง Internet Explorer 11 พร้อมกันกับเบราร์เซอร์อื่นๆ ซึ่งแม้ว่าจะมีความสามารถ แต่ก็มีความปลอดภัยที่ต่ำกว่ามาตรฐานของไมโครซอฟท์