สรุปงาน Apple Special Event October 2018

สรุปงาน Apple Special Event October 2018 จะมีอุปกรณ์อะไรที่น่าสนใจบ้างดูรายละเอียดตามนี้ได้เลย

ค่อนข้างหน้าประหลาดใจกับการดีไซน์ ที่ไม่ได้โค้งมนแบบเดิม แต่กลับเป็นขอบเหลี่ยมเหมือนกับดีไซน์ของ iPhone 4 แต่เป็นจอแบบเต็มขอบ ซึ่งใช้เป็นจอ LCD Liquid Retina เหมือนกับ iPhone Xr ความละเอียด 2K ขนาดหน้าจอมีให้เลือก 11″  และ 12.9″ ความหนาอยู่ที่ 5.9 มม. บางลง 15% และหนักเพียง 468 กรัม ด้านล่างไม่มีปุ่น Home แล้ว ใช้ Face ID ในการล็อคอิน ซึ่งเค้าบอกเลยว่าสามารถแสกนใบหน้า ได้จากทุกด้านไม่ว่าเครื่องจะวางอยู่ในมุมไหนแนวนอนหรือแนวตั้งได้หมดด้านหน้ามีกล้อง 7MP กล้องหลัง 12 MP น่าจะตัวเดียวกับ iPhone Xr แต่ไม่มีลอยบากด้านบน เพราะขอบค่อนข้างหนากว่า iPhone แต่ไม่มากนัก เชื่อมต่อผ่าน “USB-C” ใครที่เบื่อสาย Lightning ตอนนี้ Apple เริ่มเปลี่ยนมาใช้ USB-C แล้ว หวังว่า iPhone ปีหน้าจะใช้ USB-C เหมือนชาวบ้านซักที ที่สำคัญ สามารถใช้สาย USB-C ส่งภาพขึ้นจอหรือต่อกับ iPhone หรืออุปกรณ์ต่างๆ ได้โดยตรงไม่ต้องผ่านคอมพิวเตอร์ ใช้เป็น PowerBank ให้กับ iPhone ได้ด้วย

สเปคคร่าวๆ จะใช้ซีพียู A12X Bionic 8 Core CPU ให้ความเร็วมากกว่าเดิม 90% ส่วน GPU เป็นแบบ 7 Core ทำให้ประมวลผลกราฟฟิคเร็วขึ้น 1000 เท่า ^0^ เขาว่าพอๆกับ Xbox ในขนาดที่เล็กกว่า มี Neural Engine และความจุที่ 1TB พร้อมแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ทั้งวัน มีให้เลือก 2 สี Silver,และ Space Gray สนนราคาอยู่ที่

• iPad Pro 12.9″ WiFi 64 GB ราคา 35,900 บาท
• iPad Pro 12.9″ WiFi 256 GB ราคา 40,900 บาท
• iPad Pro 12.9″ WiFi 512 GB ราคา 47,900 บาท
• iPad Pro 12.9″ WiFi 1TB ราคา 61,900 บาท

iPad Pro 12.9″ WiFi+Cellular

• iPad Pro 12.9″ WiFi+Cellular 64 GB ราคา 40,900 บาท
• iPad Pro 12.9″ WiFi+Cellular 128 GB ราคา 45,900 บาท
• iPad Pro 12.9″ WiFi+Cellular 256 GB ราคา 52,900 บาท
• iPad Pro 12.9″ WiFi+Cellular 1TB ราคา 66,900 บาท

สั่งจองได้ทันที ขายจริง 7 พฤศจิกายนี้

Pencil

Pencil ที่ดีไซน์ใหม่แบบไร้รอยต่อสวยงามและสะดวกมากขึ้นกว่าเดิม ด้วยการติดตั้งแถบแม่เหล็กด้านข้าง เพื่อให้สามารถเก็บได้ง่ายเพียงแค่าแปะเจ้า Pencil ติดเข้ากับขอบของ iPad Pro เท่านี้ ง่ายและสะดวกมากๆ แถมระหว่างที่แปะเจ้า Pencil ไว้กับ iPad Pro ยังเป็นการชาร์จไฟแบบไร้สายให้กับเจ้าปากกาโดยอัตโนมัติ การใช้งานสามารถกดที่ Pencil 2 ครั้งเพื่อสลับเครื่องมือได้

นอกจากนี้ยังมาพร้อม Smart Keyboard Folio ใหม่ ที่พิมพ์ได้สะดวกมากขึ้นและปกป้องตัวเครื่องได้เป็นอย่างดีสนนราคาอุปกรณ์เสริม

หลังจากที่ถูกดองมาหลายปี ในที่สุด Macbook Air ก็ได้ฤกดิ์อัปเกรดเสียที ซึ่งการอัปเกรดคราวนี้เรียกว่ายกเครื่องใหม่หมดจดเลยทีเดีย ขอเริ่มจากการดีไซน์ที่ เรียกว่าจะถอดแบบจาก Macbook Pro มาเกือบทั้งหมด ขาดก็แต่ Touch Bar ที่ไม่มีใส่มาให้ การดีไซน์เน้นที่ความบางโดยรุ่นนี้มีขนาดที่เล็กลง 17% หนาเพียง 15.6 ม.ม. และหนักเพียง 1.25 กก.เท่านั้น หน้าจอมาในขนาด 13.3″ เป็น Retina display ซักทีสาวกรอมานานมากแล้ว มีกล้องด้านหน้าไว้ FaceTime แบบ HD  และมี TouchID ในตัว การเชื่อมต่อทุกอย่างผ่านพอร์ต USB-C รวมถึงชาร์จไฟมีซึ่งให้ 2 พอร์ตเป็นบัส Thunderbolt 3 ส่งข้อมูลได้เร็วถึง40 Gb/s และยังสามารถใช้ต่อกับการ์ดจอภายนอก หรือจอภาพแบบ 5K ได้ ระบบเสียงมีลำโพงสเตอริโอ และไมค์ 3 ตัว เพื่อคุณภาพเสียงที่ดีขึ้น และแบตเตอรี่ที่อยู่ได้นานขึ้น โดยแอปเปิลเคลมไว้ว่าสามารถดูหนังได้ต่อเนื่องถึง 13 ชั่วโมง เลยทีเดียว

สเปคคร่าว ซีพียู Intel Core i5 Gen 8th, แรมสูงสุด 16 GB  2133 MHz และ SSD ความจุสูงสุด 1.5TB และเร็วขึ้น 60% มีให้เลือก 3 สี  Silver, Space Gray, Gold เปิดให้จองได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป้นต้นไปขายจริง 7 พฤศจิกายนี้ สนนราคา

• MacBook Air Core i5 1.6GHz up to 3.6GHz , RAM 8GB, SSD 128GB ราคาประเทศไทย 42,900 บาท
• MacBook Air Core i5 1.6GHz up to 3.6GHz , RAM 8GB, SSD 256GB ราคาประเทศไทย 49,900 บาท

พร้อมอัปเกรด Macbook Pro ที่จะมาพร้อมการ์ดจอ Radeon Pro Vega ทำให้สามารถทำงานกราฟิค ได้ดีขึ้น 60% ในเดือนหน้า

อีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ไม่ได้เห็นการอัปเกรดขึ้นมาหลายปีแล้วเช่นกัน รุ่นใหม่นี้จะมาในสี Space Gray ดีไซน์ภายนอกคล้ายๆ เดิม ภายในใช้ซีพียู  Intel Core Gen 8th แรมสูงสุด 64 GB DDR4 2666GHz. และพื้นที่เก็บข้อมูลแบบ All-Flash สูงสุด 2 TB มีพอร์ตเชื่อมต่อต่างๆ ทางด้านหลังใส่มาให้ครบทั้ง Gigabit Lan ที่รองรับสูงสุดถึง 10Gbps, Thunderbolt3, USB-C,และ HDMI2.0