ไม่ต้องเกริ่นอะไรกันมาก รู้อยู่แล้วว่าเพราะอะไร มาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ
1. ใช้ Public DNS
หากเว็บจะถูกบล็อก เบื้องต้นก็คือถูกบล็อกจาก ชื่อ หรือ โดเมนของเว็บ และปกติเราก็มักจะใช้บริการ “ถามชื่อ” หรือ DNS (Domain Name Server) จากไอเอสพีในประเทศที่เราใช้กันอยู่ และการหนีไปใช้ Public DNS หรือ เซิร์ฟเวอร์ที่ให้เราถามชื่อได้ฟรีๆ ก็เป็นการหลีกเลี่ยงการถูกบล็อกได้ระดับหนึ่ง (แต่ไม่เสมอไป เพราะคนที่บล็อกก็รู้ว่า แค่บล็อกชื่อเว็บนั้นไม่พอ) Public DNS นั้นมีหลายเจ้าที่ให้บริการฟรีๆ แต่ก็มีความเร็ว-ช้าแตกต่างกันไป ลองค้น Public DNS ในกูเกิ้ลดู หรือง่ายๆ ก็ใช้ไอพี 2 ตัวนี้ก็ได้ นั่นคือ 8.8.8.8 และ 8.8.4.4 โดยนำไปใส่ใน Properties ของเครือข่ายตามภาพ
2. ใช้ Tor
Tor คือโปรแกรมที่ทำงานคล้าย VPN โดยจุดประสงค์คือปกปิดร่องรอยการท่องเน็ตของเรา โดยการโยงเส้นเดินทางของเราให้วกไปวนมาตามโหนดของเครื่องที่รัน Tor ด้วยกัน ทำให้ปลายทางไม่สามารถตรวจจับได้ว่าแท้จริงแล้วเครื่องที่เรียกเว็บไซต์นี้ มาจากไอพีอะไร ที่ไหน กันแน่ ขณะเดียวกันนอกจากจะกันการถูกแฮ็กได้แล้ว มันก็สามารถเอามาประยุกต์ใช้เพื่อทะลุบล็อกได้อีกด้วย วิธีการก็ง่ายๆ ครับ แค่ไปโหลด Tor Browser มาติดตั้งจากที่นี่ https://www.torproject.org/download/download-easy.html.en จากนั้นรันโปรแกรม และเปิดเว็บได้เลย แต่ข้อเสียสุดๆ ของ Tor ก็คือมันทำงานช้ามากถึงมากที่สุด อันเนื่องมาจากวิธีการทำงานของมันที่กล่าวไปแล้วข้างต้นนั่นเอง
3. ใช้ VPN
อันนี้ก็แอดวานซ์ขึ้นมาอีกนิด และอาจต้องเสียเงินเล็กน้อยเพื่อแลกกับประสิทธิภาพ บริการ VPN หรือ Virtual Private Network นั้นเป็นที่นิยมกันมากในการทำงานระดับองค์กร เพราะพนักงานสามารถเข้าถึงข้อมูลภายในของบริษัทได้ โดยไม่เสี่ยงกับการถูกแฮ็ก เพราะ VPN จะสร้างท่อส่งข้อมูลเสมือนขึ้นเฉพาะไว้ใช้สื่อสารระหว่างเครื่องเซิร์ฟเวอร์และเครื่องลูก ข้อมูลที่รับส่งในนี้จะถูกเข้ารหัสเต็มรูปแบบ ข้อดีของ VPN คือมีความปลอดภัยสูง และยังคงความเร็วในการเชื่อมต่อได้เหมือนเดิม ด้วยหลักการทำงานของ VPN ดังกล่าว มันจึงสามารถประยุกต์ใช้สำหรับการทะลุบล็อกเว็บได้ด้วย โดยการที่ผู้ใช้ธรรมดาอย่างเรา หันไปใช้บริการ VPN ที่มีหลากหลายเจ้า ขอแนะนำ TunnelBear ให้ใช้ฟรี 500MB ต่อเดือน ถ้าอยากได้มากกว่านี้ก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายนิดหน่อยครับ
4. ใช้ Proxy
Proxy แปลตรงๆ ก็คือ ตัวแทน หรือ นายหน้า ในทางเทคนิคก็คือ เครื่องเซิร์ฟเวอร์ซักเครื่องที่กั้นระหว่างเรากับอินเทอร์เน็ต มีหน้าที่เปิดหน้าเว็บที่เรียก และส่งมาให้เราดู ถามว่าทำไมต้องใช้ Proxy มาคั่นด้วย ก็เพราะคุณสมบัติที่สำคัญของ Proxy ก็คือการทำแคชหน้าเว็บได้ด้วย หลายๆ บริษัท (แม้แต่ไอเอสพีเอง) มักจะตั้ง Proxy server ไว้ เพื่อที่ทำให้การเข้าเว็บของเครื่องในเครือข่ายนั้นเร็วขึ้น เพราะดึงจาก Proxy เลยทันที
สำหรับการทะลุบล็อกเว็บโดยใช้ Proxy เราจะใช้บริการที่เรียกว่า Web base proxy หรือการให้บริการเปิดเว็บแทนกัน พูดง่ายๆ ก็คือ เปิดเว็บที่ถูกบล็อก ในเว็บไซต์ของคนให้บริการ Web base proxy อีกที หรือเปิดเว็บซ้อนเว็บนั่นเอง ขอแนะนำให้ใช้ Hide My Ass ครับ แค่เปิดไปที่หน้าเว็บของ Hide My Ass แล้วก็กรอกชื่อเว็บที่ต้องการเปิดได้เลย
5. ใช้ SSH Tunnel
SSH คือเครื่องมือที่แอดมินนิยมใช้จัดการควบคุมเครื่องเซิร์ฟเวอร์ระยะไกล เพราะ SSH จะใช้วิธีการเข้ารหัสแพ็กเกจ ซึ่งทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องจะถูกแฮ็ก การทำ SSH Tunnel ก็เหมือนกับ VPN แต่อันนี้ใช้ SSH Server เป็นตัวแทน ซึ่งวิธีนี้ค่อนข้างจะแอดวานซ์ที่สุด สำหรับผู้ที่เป็นแอดมินและมีความรู้เรื่องลินุกซ์นั้นไม่น่ามีปัญหาแต่อย่างใด แต่สำหรับผู้ใช้ธรรมดาอย่างผมและผู้อ่านนั้น วิธีนี้อาจยากไปนิดครับ
ก็หวังว่าทั้ง 5 ข้อนี้จะมีประโยชน์กับทุกท่าน ในเวลาที่เราถูกจำกัดการเข้าเว็บนะครับ สวัสดี