Brother MFC-7860DW เลเซอร์มัลติฟังก์ชั่นเพื่อ SME ตัวจริง

สิ่งที่ SME ต้องการก็คือเครื่องมือที่ช่วยให้การดำเนินธุรกิจเป็นได้อย่างรวดเร็ว ราบรื่น ในขณะที่ต้นทุนต่ำ หนึ่งในหลายๆ อย่างที่จำเป็นก็คือเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชั่นนั่นเอง

Brother MFC-7860DW คือเครื่องพิมพ์เลเซอร์มัลติฟังก์ชั่นที่ครบครันทุกความต้องการเบื้องต้นสำหรับธุรกิจ เพระรองรับทั้งการพิมพ์ (ขาว-ดำ) สแกน ก็อปปี้ และรับ-ส่งแฟ็กซ์ สามารถทำได้เบ็ดเสร็จในเครื่องเดียว

ข้อมูลทั่วไปของเครื่อง Brother MFC-7860DW

การพิมพ์

การถ่ายเอกสาร

แฟกซ์

การใช้กระดาษ

สแกน

คุณสมบัติเพิ่มเติม

ซอฟต์แวร์

ขนาด/น้ำหนัก

ลักษณะภายนอก

มัลติฟังก์ชั่นนี้รุ่นนี้มีขนาดไม่ใหญ่มาก ประหยัดพื้นที่จัดวางในออฟฟิศ ตัวเครื่องประกอบด้วยฝาสแกนแบบ ADF (Audo Duplex Feeder) ,แผงควบคุมและสั่งงาน พร้อมจอแอลซีดี 2 แถว , ถาดรับกระดาษ, ช่องใส่กระดาษแบบหนาและซองจดหมาย สุดท้ายกับถาดป้อนกระดาษที่จุได้สูงสุด 250 แผ่น

ฝาแสกนรองรับขนาดแสกนได้สูงสุด A4

แผงควบคุมและสั่งงาน พร้อมแป้นตัวเลขสำหรับกดหมายเลขโทรศัพท์และส่งแฟกซ์ ส่วนหน้าจอเป็นแอลซีดีแบบ 2 แถว แสดงเมนูและสถานะต่างๆ ของตัวเครื่อง

ช่องใส่ตลับหมึกอยู่ด้านหน้า ใช้เปลี่ยนหมึกและเอาไว้แก้ปัญหากระดาษติด

ตลับหมึกสำหรับเครื่องพิมพ์รุ่นนี้

ด้านหลังตัวเครื่อง มีช่องต่อพ่วงเครื่องโทรศัพท์และสายโทรศัพท์ นอกจากนี้ก็มีช่องสายแลนและ USB แต่ที่สำคัญเครื่องพิมพ์รุ่นนี้รองรับการเชื่อมต่อ WiFi อีกด้วย ทำให้การติดตั้งยิ่งง่ายมากขึ้น

สามารถเปิดฝาด้านหลังได้ เพื่อแก้ปัญหากระดาษติด

ซอฟต์แวร์ใช้งาน

ตามปกติแล้ว หากไม่ได้ติดตั้งไดรเวอร์และซอฟต์แวร์ลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ ตัวเครื่องพิมพ์เองก็สามารถใช้งานเป็นเครื่องรับ-ส่งแฟ็กซ์ และเป็นเครื่องก็อปปี้เอกสารได้ทันที แต่เพื่อการใช้งานที่สมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ แนะนำให้ติดตั้งซอฟต์แวร์และไดรเวอร์ต่างๆ ให้ครบด้วย ซึ่งจะทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถทำงานร่วมกับเครื่องพิมพ์ได้ เช่น การสั่งพิมพ์และแสกนผ่านเครือข่ายไร้สาย รวมทั้งการรับส่งแฟกซ์ด้วยเครื่องพีซี ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย

Control Center 4 คือซอฟต์แวร์สั่งการทำงานทุกอย่างจากเครื่องพีซีไปสู่เครื่องพิมพ์ เมื่อเราเปิดมาครั้งแรก โปรแกรมจะให้เราเลือกการทำงานระหว่าง Home mode หรือ Advanced Mode ทั้ง 2 โหมดสามารถทำงานได้เหมือนกัน เพียงแต่ Advanced Mode จะมีการปรับค่าต่างๆ ให้ยืดหยุ่นมากกว่า

Home Mode นั้นใช้งานง่าย มีแค่ 2 ฟังก์ชั่นให้เลือกคือ Scan และ ส่งแฟ็กซ์จากเครื่องพีซี

ขณะที่ Advanced Mode จะมีฟังก์ชั่นการทำงานให้เลือกมากกว่า และปรับแต่งค่าต่างๆ ในการทำงานแต่ละอย่างได้ละเอียดกว่า

ซอฟต์แวร์อีกตัวที่แถมมาให้คือ PaperPort เป็นซอฟต์แวร์สำหรับจัดการเอกสารทุกฟอร์แมต ให้แยกเป็นหมวดหมู่ ค้นหาง่าย จุดเด่นของซอฟต์แวร์ตัวนี้คือ สามารถพรีวิว pdf ไฟล์ได้เลย โดยไม่ต้องเปิด , มีความสามารถของ OCR คือแปลงภาพเป็นตัวหนังสือได้ (แต่ลองกับภาษาไทยแล้วยังไม่รองรับ) เป็นซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาให้ทำงานคู่กับเครื่องพิมพ์ผ่านระบบเครือข่าย ทำให้การจัดการเรื่องเอกสาร สะดวกยิ่งขึ้น

ซอฟต์แวร์ PC Fax ที่มาพร้อมกัน ช่วยให้การส่ง-รับแฟ็กซ์กับเครื่องพีซีทำได้สะดวกและง่ายดาย ที่สำคัญไม่เปลืองกระดาษ ช่วยลดทรัพยากรและรักษาสิ่งแวดล้อมได้ดีทีเดียว

Brother iPrint&Scan สั่งพิมพ์จาก iPhone และ iPad

บราเดอร์ได้พัฒนาแอพ iPrint&Scan ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ไอโฟนและไอแพดสามารถสั่งพิมพ์หรือแสกนภาพเข้าสู่เครื่องผ่านเครือข่ายแบบไร้สายได้เลย

เมื่อติดตั้งแอพเสร็จแล้ว เราสามารถสั่งพิมพ์หรือแสกนจากหน้าไอโฟนและไอแพดได้เลย

แต่จุดด้อยของโปรแกรมนี้คือสั่งพิมพ์ได้แต่รูปภาพใน Photo gallery เท่านั้น ไม่สามารถสั่งพิมพ์งานเอกสารจากโปรแกรมอื่นได้

ส่วนการแสกนนั้นทำได้ดี รับได้ทั้งสีและขาวดำ เมื่อภาพแสกนส่งเข้าไอโฟนหรือไอแพดแล้ว ยังสามารถสั่ง crop รูปได้ตามต้องการ จากนั้นจะเซฟเก็บไว้ หรือส่งแชร์ออกไปก็ทำได้

ความคุ้มค่า

ส่วนหนึ่งที่คนมองหาเครื่องเลเซอร์สีในการนำไปใช้งาน โดยเฉพาะในภาพธุรกิจก็คือความคุ้มค่าและต้นทุนที่จะเกิดขึ้นในระยะยาว ปัจจัยที่กำหนดเรื่องนี้ก็คือ ตลับหมึก และ ดรัม

ตลับหมึกสำหรับเครื่องพิมพ์รุ่นนี้มี 2 ประเภท คือมาตรฐาน (TN-2260) พิมพ์ได้สูงสุด 1,200 หน้า และแบบใหญ่พิเศษ (TN-2280) ซึ่งพิมพ์ได้สูงสุด 2,600 หน้า ส่วนดรัม (DR-2255)  ของรุ่นนี้ รองรับงานพิมพ์ได้สูงสุด 12,000 หน้า ความคุ้มค่าของการใช้งานคิดอย่างหยาบก็คือต้นทุนต่อหน้า ซึ่งสูตรการคำนวนจะเป็นดังนี้

C=(PrI/PaI) + (PrD/PaD)

เมื่อ

C = ต้นทุนต่อแผ่น

PrI = ราคาตลับหมึก

PaI = จำนวนแผ่นสูงสุดต่อตลับ

PrD = ราคาดรัม

PaD = จำนวนแผ่นสูงสุดต่อดรัม

ราคาตลับหมึกมาตรฐานอยู่ที่ 1,190 บาท ราคาตลับหมึกใหญ่พิเศษอยู่ที่ 1,990 บาท ส่วนราคาดรัมของรุ่นนี้อยู่ที่ 1,900 บาท จากผลการคำนวนปรากฎว่า หากเราใช้ตลับหมึกมาตรฐาน ต้นทุนต่อแผ่นจะอยู่ที่ 1.15 บาท แต่ถ้าใช้ตลับหมึกใหญ่พิเศษ ต้นทุนต่อแผ่นจะอยู่ที่ 92 สตางค์ เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วจะเห็นว่า การเลือกใช้ตลับหมึกแบบใหญ่พิเศษนั้นจะได้ต้นทุนที่ถูกกว่า

ราคา 9,490 บาท

บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด

โทร. 02-665-7777

www.brother.co.th

คุ้มสุดๆ สำหรับ SME

เป็นเลเซอร์มัลติฟังก์ชั่นที่ตอบสนองได้ทุกความต้องการ ประสิทธิภาพการทำงานและคุณสมบัติที่ได้รับนั้น เรียกว่าคุ้มค่าจริงๆ ครับ

Performance score 8
– ประสิทธิภาพดี

Feature score 10
– คุณสมบัติครบถ้วน
– ซอฟต์แวร์ใช้งานง่าย
– รองรับการใช้งานร่วมกับไอแพดและไอโฟน
– รองรับ WiFi

Design score 8
– ขนาดกะทัดรัด ประหยัดพื้นที่ใช้สอย

Best Value score 10
– เครื่องราคาไม่แพง
– ต้นทุนต่อแผ่นต่ำ เมื่อใช้ตลับหมึกแบบใหญ่พิเศษ

First Impression score 7
– แพ็กเกจธรรมดาทั่วไป