เดลล์ อีเอ็มซี ประกาศผลการศึกษาชิ้นใหม่ที่จัดทำโดย Enterprise Strategy Group (ESG) โดยเผยว่าผู้นำด้านไอทีระดับอาวุโสและผู้จัดการที่มีอำนาจตัดสินใจในองค์กรขนาดใหญ่ที่เข้าร่วมการสำรวจทั่วโลกโดยส่วนใหญ่ ระบุว่าองค์กรของตนยังไม่ได้ก้าวสู่การปฏิรูปไอทีอย่างเต็มรูปแบบในทุกแง่มุมที่จำเป็นต่อการสร้างความสามารถในการแข่งขันได้
แม้ว่าการปฏิรูประบบไอทีแบบดั้งเดิม ถือได้ว่าเป็นความจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับบริษัทต่างๆ การปฏิรูปไปสู่ดิจิทัล ก็กลายเป็นแรงผลักดันที่ทำให้การปฏิรูปไอทีเป็นสิ่งสำคัญที่ควรทำเป็นอันดับแรก อย่างไรก็ตามการศึกษากราฟแสดงการเติบโตของการปฏิรูปไอที (ESC 2017 IT Transformation Maturity Curve) ที่สนับสนุนการจัดทำโดย เดลล์ อีเอ็มซี แสดงให้เห็นว่า 95 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบสำรวจ ชี้ว่าองค์กรตัวเองอยู่ในความเสี่ยงที่จะถูกทิ้งให้ตามหลังกลุ่มบริษัทเล็กๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกันที่กำลังปฏิรูประบบโครงสร้างไอที รวมถึงกระบวนการและวิธีการในการเร่งไปสู่เป้าหมายของการเปลี่ยนไปสู่องค์กรธุรกิจบนดิจิทัล
หลายองค์กรยังคงวัดอายุการทำงานของแอปพลิเคชันหากไม่ใช่หลายปี ก็หลายเดือน ซึ่งมีระบบโครงสร้างแบบไซโล และยังคงยึดมั่นในสถาปัตยกรรมแบบเดิมที่ไม่ยืดหยุ่น ทั้งหมดนี้คืออุปสรรคขัดขวางความสำเร็จในการปฏิรูปสู่ดิจิทัล
“ผลการศึกษาเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่ามีลูกค้าจำนวนมหาศาลกำลังบอกเราว่าต้องการนำระบบโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่มาใช้ให้ได้ประโยชน์จากโอกาสในยุคดิจิทัล” เดวิด โกลเดน ประธานบริษัท เดลล์ อีเอ็มซี กล่าว “อย่างไรก็ตาม ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าผู้ตอบส่วนใหญ่กำลังถูกคู่แข่งกลุ่มเล็กๆ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอภิสิทธิ์จากการที่สามารถถอดรหัสการปฏิรูปไอทีได้ และก็สามารถแข่งขันได้อย่างจริงจังมากขึ้นจากความสำเร็จในเรื่องนี้ และเมื่อองค์กรมีความคืบหน้าในการลงทุนปฏิรูปไอที ก็สามารถก้าวข้ามความขัดแย้งระหว่างระบบไอทีแบบเดิมกับความริเริ่มด้านธุรกิจบนดิจิทัล เพื่อตระหนักถึงเป้าหมาย เร่งเวลาออกสู่ตลอดได้อย่างรวดเร็วรวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน”
การศึกษากราฟแสดงการเติบโตของการปฏิรูปไอทีของ ESG 2017 ออกแบบมาเพื่อให้เข้าใจถึงบทบาทของการปฏิรูปไอที ที่มีต่อการก้าวสู่ธุรกิจบนดิจิทัล ทั้งนี้ ESG ได้นำโมเดลเรื่องการเติบโตที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลจากงานวิจัยมาใช้ในการระบุความคืบหน้าเรื่องการปฏิรูปไอทีในขั้นตอนที่ต่างกัน พร้อมประเมินว่าองค์กรระดับโลกแห่งไหนบ้างที่ผ่านการปฏิรูปในขั้นตอนใด จากการตอบคำถามในเรื่องระบบโครงสร้างไอทีที่อยู่ภายในองค์กร รวมถึงกระบวนการทำงานและการวางแนวทางในองค์กร
จากการตอบการสำรวจทั่วโลก องค์กรที่เข้าร่วมจำนวน 1,000 แห่งจะถูกจัดกลุ่มตามขั้นตอนในการพัฒนาสู่การปฏิรูปไอที 4 ขั้นตอน ได้แก่
- ขั้นตอนที่ 1 – Legacy ระบบดั้งเดิม (12%) ซึ่งยังขาดอยู่หลายสิ่ง หากไม่ใช่ทุกแง่มุมของการปฏิรูปไอทีตามการศึกษาจาก ESG
- ขั้นตอนที่ 2 – Emerging เพิ่งเริ่ม (42%) โดยแสดงให้เห็นความก้าวหน้าในเรื่องการปฏิรูปไอที แต่มีการนำเทคโนโลยีดาต้าเซ็นเตอร์ที่ทันสมัยมาใช้น้อยมาก
- ขั้นตอนที่ 3 – Evolving มีพัฒนาการที่ดี (41%) โดยแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมันในการปฏิรูปไอที และมีการนำเทคโนโลยีดาต้าเซ็นเตอร์ที่ทันสมัย พร้อมวิธีการในการส่งมอบไอทีได้อย่างมีประสิทธิภาพมาใช้ในระดับกลางๆ
- ขั้นตอนที่ 4 – Transformed ปฏิรูปแล้ว โดยทำควบคู่ไปพร้อมกับความริเริ่มด้านการปฏิรูปไอที
ผู้ตอบสำรวจส่วนใหญ่ (71 เปอร์เซ็นต์) เห็นพ้องว่าการปฏิรูปไอทีเป็นสิ่งจำเป็นต่อการแข่งขันทางธุรกิจได้ต่อไป 85 เปอร์เซ็นต์ของบริษัทที่มีการ “ปฏิรูป” เชื่อว่าองค์กรของตนอยู่ในจุดที่มีความ “แข็งแกร่ง” หรือ “แข็งแกร่งมาก” ในการแข่งขันและประสบความสำเร็จในตลาดได้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เมื่อเทียบกับอีก 43 เปอร์เซ็นต์ของบริษัทที่มีการเติบโตเรื่องนี้น้อยที่สุด
องค์กรที่ “ปฏิรูป” แล้วได้รายงานความคืบหน้าในการนำทรัพยากรไอทีมาใช้เพื่อเร่งออกนวัตกรรมผลิตภัณฑ์พร้อมออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น เปลี่ยนงานและกระบวนการที่ต้องทำเองให้เป็นระบบอัตโนมัติ และใช้ไอทีเป็นศูนย์กำไรแทนที่จะเป็นศูนย์ต้นทุน บริษัทเหล่านี้จะได้ประโยชน์ในประเด็นต่อไปนี้
- (96 เปอร์เซ็นต์) ทำรายได้ทะลุเป้าปีที่มาผ่าน มากกว่าบริษัทที่เติบโตน้อยสุดถึงสองเท่า
- น่าจะมีโอกาสรายงานถึงสัมพันธภาพความร่วมมือที่ดีมากระหว่างฝ่ายไอทีและฝ่ายธุรกิจ มากกว่าองค์กรที่เติบโตน้อยสุดได้มากถึง 8 เท่า
- มีความก้าวหน้าที่ยอดเยี่ยมในการนำไอทีมาใช้เป็นศูนย์กำไรแทนที่จะเป็นศูนย์ต้นทุน (มีโอกาสมากกว่าบริษัทที่เติบโตน้อยสุดถึงเกือบ 7เท่า)
- มีความเป็นไปได้ว่าฝ่ายธุรกิจมองว่าไอทีเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างความแตกต่างในการแข่งขัน มากกว่าองค์กรที่เติบโตน้อยสุดถึง 7เท่า
- นำทรัพยากรด้านไอทีมาใช้เร่งความเร็วในการออกนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์และส่งผลิตภัณฑ์สู่ตลาดได้เร็วขึ้น (มีความเป็นไปได้ว่าจะทำได้เร็วกว่าองค์กรที่มีการเติบโตน้อยที่สุดถึง 6 เท่า)
สอดคล้องตามรายงานของ ESG การนำเทคโนโลยีดาต้าเซ็นเตอร์ที่ทันสมัยมาใช้ เช่น ระบบสตอเรจที่รองรับการขยายงานได้ และระบบโครงสร้างแบบควบรวม (converged) และไฮเปอร์-คอนเวิร์จ (hyper-converged) เหล่านี้ช่วยเพิ่มความคล่องตัวและรองรับการจัดสรรทรัพยากรในระบบโครงสร้างพื้นฐานได้ล่วงหน้า รวมถึงการพัฒนาแอปพลิเคชันและนำเสนอโครงการด้านไอที ทั้งนี้การศึกษายังพบประเด็นต่อไปนี้
- 54 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบสำรวจใช้ระบบโครงสร้างแบบควบรวมหรือแบบไฮเปอร์-คอนเวิร์จ เพื่อรองรับการใช้งานแอปพลิเคชัน
- 58 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบสำรวจนำระบบสตอเรจที่ขยายขอบเขตแบบ scale-out มาใช้ในบางความสามารถ
- ราว 50 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบสำรวจมุ่งมั่นที่จะนำ Software-defined มาใช้เป็นกลยุทธ์ในระยะยาว และเริ่มติดตั้ง ประเมินหรือวางแผนในการนำเทคโนโลยี Software-defined มาใช้บ้างแล้ว
สอดคล้องตาม ESG การนำกระบวนการด้านไอทีสมัยใหม่มาใช้ เช่น ความสามารถเรื่องการจัดสรรทรัพยากรล่วงหน้าได้ด้วยตัวเอง (Self-service provisioning) รวมถึงการใช้ไอทีเช่นพับบลิคคลาวด์ รวมถึงการนำวิธีการของ DevOps มาใช้ อาจเป็นหนึ่งในคุณสมบัติของบริษัทที่ปฏิรูปได้สำเร็จ นอกจากนี้ ผลการศึกษายังพบประเด็นต่อไปนี้
- 26 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบสำรวจ มีความสามารถเรื่องการบริการด้วยตัวเอง (self-service) ครอบคลุม “หลายแง่มุม” หรือ “มีอยู่แล้ว”
- 65 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบสำรวจมีความคืบหน้าเรื่องการให้บริการผู้ใช้ในระดับที่ “ยอดเยี่ยม” หรือในระดับที่ “ยอมรับได้” ที่สามารถจัดสรรการใช้ทรัพยากรจากผู้ให้บริการพับบลิคคลาวด์ได้ล่วงหน้า
- 43 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบ อ้างว่ามีการนำหลักการที่เป็นทางการ และวิธีปฏิบัติที่ดีที่สุดของ DevOps มาใช้ “มากมาย” หรือในระดับที่ “ดี”
การวิจัยได้พิสูจน์ให้เห็นว่า บ่อยครั้งที่การปฏิรูปไอที จะสัมพันธ์กับความร่วมมือและสัมพันธภาพการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพระหว่างฝ่ายไอทีและฝ่ายธุรกิจ การศึกษายังพบในประเด็นต่อไปนี้
- 36 เปอร์เซ็นต์ ขององค์กรไอทีและผลลัพธ์จะถูกประเมินจากผู้บริหารระดับสูง หรือกรรมการบริหารในทุกเดือน และ 38 เปอร์เซ็นต์ มีการประเมินเป็นรายไตรมาส
- 39 เปอร์เซ็นต์ ที่ผู้บริหารระดับอาวุโสด้านไอทีส่วนใหญ่จะขึ้นตรงกับซีอีโอ
- 61 เปอร์เซ็นต์ขององค์กรที่เติบโตน้อยที่สุด ชี้ว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในสายธุรกิจ มองไอทีว่าเป็น “ผู้ให้บริการที่มั่นคง แต่ก็ยังเป็นศูนย์กลางต้นทุนอยู่ดี”
ในงาน Dell EMC World ที่จะจัดขึ้นในเดือนพฤษภาคม ปี 2017 ผู้เชี่ยวชาญจะสำรวจเกี่ยวกับการปฏิรูปไอทีและดูว่าการปฏิรูปช่วยให้องค์กรบรรลุเป้าหมายในการปฏิรูปสู่ดิจิทัลได้อย่างไร
จอห์น แมคไนจท์ รองประธาน ฝ่ายบริการด้านการวิเคราะห์และวิจัย Enterprise Strategy Group กล่าวว่า “บริษัทในปัจจุบันต่างวางใจกันมากยิ่งขึ้น ในการนำเทคโนโลยีมาช่วยสร้างการเติบโตและปรับปรุงธุรกิจได้ครอบคลุมทุกแง่มุม อย่างไรตาม ผลการวิจัยของ ESG พบว่าองค์กรที่ “ปฏิรูป” ไอทีได้อย่างเต็มรูปแบบนับว่ายังหาได้ยากเต็มทีในช่วงเวลานี้ แต่ข่าวดีก็คือยังมีประโยชน์อีกมากมายที่จะได้รับจากความคืบหน้าในการเติบโตไปในแนวทางเดียวกับกราฟดังกล่าว โดยสามารถก้าวสู่จุดนั้นได้ด้วยการทำตามพฤติกรรมขององค์กรที่ “ปฏิรูป” แล้วเหล่านี้
เกี่ยวกับผลการศึกษากราฟแสดงการเติบโตของการปฏิรูปไอที โดยเดลล์ อีเอ็มซี (Dell EMC IT Transformation Maturity Curve Study)
งานวิจัยนี้สนับสนุนการจัดทำโดยเดลล์ อีเอ็มซี โดยมี Enterprise Strategy Group เป็นผู้จัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 9 ธันวาคม 2016 และ 5 มกราคม 2017 โดยเป็นการจัดทำสำรวจผ่านเว็บ กับกลุ่มผู้บริหารด้านไอทีอาวุโส จำนวน 1,000 ราย รวมถึงผู้จัดการที่มีอำนาจตัดสินใจ และพนักงานที่มีความคุ้นเคยกับการวางงบประมาณและวางแผนงานด้านไอทีในอนาคต ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสั่งซื้อระบบโครงสร้างพื้นฐานขององค์กร ที่อยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา บราซิล สหราชอาณาจักร เยอรมัน ฝรั่งเศส จีน ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ทั้งนี้ ผู้ตอบการสำรวจเหล่านี้ถือเป็นตัวแทนองค์กรระดับเอ็นเตอร์ไพร์ซในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย
ข้อมูลเพิ่มเติม:
- ดูข้อมูล IT Transformation Self Assessment
- อ่านผลการสำรวจฉบับสมบูรณ์ของ ESG IT Transformation Maturity Curve research paper
- บล็อกผู้บริหารระดับสูงเดลล์ อีเอ็มซี: “1,000 IT Practitioners Answer: Where Are We with IT Transformation?”
- บล็อก Dell EMC Services: “Defeating Digital Disruption Through IT Transformation”
- ติดตามข่าวสารเดลล์ อีเอ็มซี ผ่าน Twitter, Facebook, YouTube, LinkedIn และ DECN