สถิติภัยคุกคามที่น่าสนใจ
จากรายงาน Microsoft Security Intelligence Report ฉบับที่ 15 (https://www.microsoft.com/security/sir/default.aspx) ซึ่งเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของมัลแวร์และไวรัสต่างๆ ทั่วโลก โดยรวบรวมข้อมูลจาก Malicious Software Removal Tool (MSRT) ที่ติดตั้งและใช้งานอยู่ในระบบปฏิบัติการวินโดวส์ทั่วโลกจำนวนมากกว่า 600 ล้านเครื่อง โดยรวบรวมข้อมูลตั้งแต่เดือนมกราคม – มิถุนายน 2556 มีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับอัตราการติดไวรัส (Infection Rate) และความสามารถในการตรวจพบมัลแวร์ (Encounter Rate) ของระบบปฏิบัติการ ไล่มาตั้งแต่วินโดวส์ XP SP3 , Vista SP2 , 7 SP1 และ 8 RTM ผลของข้อมูลแสดงให้เห็นดังกราฟต่อไปนี้
ใน กราฟ Infection Rate แสดงให้เห็นว่าระบบปฏิบัติการวินโดวส์เอ็กซ์พีซึ่งแม้ว่าจะได้ติดตั้ง เซอร์วิสแพ็กล่าสุด SP3 แล้วก็ตาม ก็ยังมีอัตราการติดไวรัสมากถึง 9.1 CCM (Computers Cleaned per Mille) ซึ่งสูงกว่า Windows 8 RTM ถึง 6 เท่า นอกจากนี้จากกราฟ Encounter Rate ซึ่งแสดงถึงโอกาสที่ระบบปฏิบัติการจะเจอไวรัสนั้น สำหรับวินโดวส์เอ็กซ์พีเซอร์วิสแพ็กสาม ก็ยังคงมีถึง 16.3% ซึ่งถือว่าเป็นอัตราส่วนที่สูง เมื่อมองในแง่ของการเป็นระบบปฏิบัติการที่มีอายุนานกว่า 12 ปี และในความเป็นจริง ตัวเลขนี้ในปี 2557 อาจสูงยิ่งกว่านี้ เมื่อไมโครซอฟท์หยุดการสนับสนุนในวันที่ 8 เมษายน ซึ่งนี่คือความเสี่ยงที่หลายบริษัทและองค์กรไม่ควรมองข้ามเป็นอย่างยิ่ง
ใน รายงานยังระบุถึงพฤติกรรมการโจมตีของมัลแวร์และไวรัสในปี 2013 ซึ่งปรับปรุงวิธีการและดัดแปลงรูปแบบให้ตรวจจับได้ยากยิ่งขึ้น การทำรีเวอร์สเอนจิเนียริ่งกลายเป็นวิธีการหลักของเหล่าบรรดาแฮกเกอร์มือ อาชีพ เพื่อค้นหาช่องโหว่ทั้งในระบบปฏิบัติการและแอพพลิเคชั่นในองค์กร ในระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่อย่างวินโดวส์ 8 ได้ปรับปรุงและพัฒนาด้านความปลอดภัยเพิ่มขึ้นมาก ทั้งที่มองเห็นได้อย่างเช่น Windows Defender และ Firewall รวมถึงคุณสมบัติที่มองไม่เห็น เช่น เคอร์เนลภายในและการเข้ารหัสต่างๆ ฯลฯ เป็นต้น คุณสมบัติความปลอดภัยหลายๆ อย่างที่เพิ่มเข้ามาไม่สามารถใช้ได้บนระบบเคอร์เนลแบบเก่าอย่างวินโดวส์เอ็ก ซ์พี ซึ่งทำให้วินโดวส์เอ็กซ์พีมีความเสี่ยงสูงสุดในอนาคต
[quote_box_center]ปรึกษาและสอบถามรายละเอียดการอัพเกรดระบบได้กับพาร์ทเนอร์หรือฝ่ายสนับสนุนของไมโครซอฟท์ที่ Microsoft Call Center โทร. 02 263 6888[/quote_box_center]