เมื่อราวต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ได้เปิดให้ดาวน์โหลด Windows 10 รุ่น Technical Preview สำหรับให้ผู้สนใจได้ทดลองนำไปใช้งาน เพื่อเก็บฟีดแบ็กจากผู้ใช้แล้วนำมาปรับปรุงพัฒนา ซึ่งลักษณะการเปิดให้ใช้งานฟรีในรุ่นทดลองนี้ได้ประสบความสำเร็จมาแล้วจากสมัยของ Windows 7
เมื่อไมโครซอฟท์ใจดีขนาดนี้ แน่นอนเราก็ไม่รอช้าครับ ได้โหลดมาทดลองใช้งานกับเขาด้วย หลังจากได้ทดลองใช้มาซักระยะ ก็ถึงเวลามาพรีวีวกันให้อ่านแล้วครับ ถ้าใครสนใจอยากลองเล่นก็ไปโหลดได้เลยที่นี่ https://windows.microsoft.com/en-us/windows/preview-iso โดยใช้ได้ฟรีไปจนถึงเดือนมีนาคมปีหน้าครับ
กลับมาใช้หน้าเดสก์ท็อปแบบเก่า แต่แอบมีลูกเล่นนะจ้ะ
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนเลยก็คือ การเลือกที่จะเปิดไปที่หน้าเดสก์ท็อปก่อนเหมือนวินโดวส์ยุคเดิมๆ เพราะจากฟีดแบ็กที่ผ่านมาหน้า Start ไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าใดนัก แถมกลายเป็นว่าใช้ยากกว่าเดิม (แต่ผมชอบนะ) ไมโครซอฟท์เลยตัดสินใจกลับมาใช้เดสก์ท็อปแบบเดิมดีกว่า ส่วนปุ่ม Start รูปโลโก้วินโดวส์ นอกจากจะแสดงโปรแกรมทั้งหมดแบบเดิมแล้ว แอพแบบไทล์ก็ถูกเพิ่มเข้ามาอยู่ในนี้ด้วย ขนาดของกรอบ Start menu สามารถยืดขยายออกด้านบนหรือด้านข้างก็ได้ตามต้องการ
แอพไทล์นี้เราต้องเพิ่มเข้ามาเองนะครับ (ยกเว้นแอพไทล์ตั้งต้น) จะใช้วิธีลากวางเอา หรือจะคลิกขวาแล้วเลือก Pin to Start ก็ได้ครับ
อย่างไรก็ตาม ถ้าใครชอบหน้า Start Screen (เหมือนผม) ก็สามารถไปกำหนดใน Properties แล้วเอาติ๊กถูกออกที่ตำแหน่งเมาส์ดังภาพ ที่นี้เวลากดปุ่มวินโดวส์ก็จะได้หน้า Start Screen เหมือนเดิมแล้วครับ
มี Virtual Desktop ทำงานได้หลายหน้าต่างแล้ว
นี่คือความสามารถที่มีมานานแล้วทั้งบนแมคและอูบุนตู นั่นคือการเพิ่มหน้าโต๊ะทำงานหรือเดสก์ท็อปได้มากกว่าหนึ่ง การเพิ่มหรือเปลี่ยนเดสก์ท็อปทำได้ 2 วิธี คือ คลิกที่เมนู Task View ตรงทาสก์บาร์ หรือโดยการกดปุ่มโลโก้วินโดวส์ + Tab ก็ได้ครับ การเพิ่มหน้าจอทำงานก็เพียงแค่คลิกที่ Add a Desktop เท่านั้นเอง แต่ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ว่า เพิ่มได้สูงสุดกี่เดสก์ท็อป เพราะดูเหมือนว่าจะมีบั๊กอยู่ เพราะกดเพิ่มเดสก์ท็อปไปเรื่อยๆ มันดันหายลับจอไปเลย
Alt+Tab ดูง่ายกว่าเดิม
อันนี้เป็นฟีเจอร์ที่คนใช้วินโดวส์น่าจะอยากได้มานานแล้ว นั่นคือการเปลี่ยนการแสดงผลการเลือกหน้าต่างโปรแกรมแบบ Alt+Tab ซึ่งของใหม่นี้จะโชว์หน้าต่างให้ดูแบบสดๆ ทุกหน้าต่าง ทำให้ใช้งานง่ายมากขึ้นเยอะเลยทีเดียว นอกจากนี้หากต่อมัลติมอนิเตอร์ วินโดวส์ก็ยังจะแยกให้ด้วยอีกว่า จอไหนเปิดโปรแกรมอะไรอยู่ครับ
ทุกโปรแกรมรันแบบวินโดวส์ทั้งหมด
ในวินโดวส์ 8 จะแบ่งเป็นโปรแกรมเดสก์ท็อป และ แอพไทล์ ซึ่งทั้ง 2 โปรแกรมนี้จะรันกันคนละโหมดหน้าต่าง สร้างความรำคาญให้ผู้ใช้ไม่น้อย แต่ในวินโดวส์ 10 นี้ทุกโปรแกรมรวมถึงแอพจากวินโดวส์สโตร์จะทำงานในโหมดหน้าต่างเหมือนกันหมด มีปุ่มย่อ ขยาย ปิดเหมือนเดิม เพิ่มเติมด้วยปุ่ม Charm Bar สำหรับเรียกเมนูเฉพาะของแอพนั้นๆ
Snap App คือความสามารถในการแบ่งหน้าต่างโปรแกรมในแต่ละส่วนของจอ เพื่อความสะดวกในการทำงานพร้อมกัน โดยในวินโดวส์ 8.1 นั้นจะแบ่งได้ 3 หน้าจอ และแยกกันระหว่างโหมดหน้า Start Screen และ Desktop แต่ในวินโดวส์ 10 นี้เราไม่มีหน้าจอ Start Screen แล้ว การ Snap App จึงกลับมาใช้การแบ่งหน้าต่างแต่ละโปรแกรมเหมือนเดิม แต่ที่พิเศษกว่าก็คือ เมื่อเราสั่ง Snap App โดยการลากหน้าจอโปรแกรมไปชิดขอบใดขอบหนึ่ง ขอบอีกด้านจะแสดงหน้าจอโปรแกรมที่เหลือทั้งหมดแทนในรูปแบบของหน้าต่างเล็กๆ คล้าย Alt+Tab เพื่อให้เราเลือกว่าจะ Snap คู่กับโปรแกรมใด ส่วนตัวแล้วชอบครับ เพราะสะดวกมากขึ้น
Notification Center ดูง่ายขึ้น
ที่บริเวณทาสก์บาร์ได้เพิ่มไอค่อนสำหรับเรียกดู Notification Center รูปแบบใหม่ โดยปรับให้ดูง่ายขึ้น ปรับแยกบรรทัดว่าเป็นโปรแกรมไหน และสามารถคลิกเพื่อเปิดโปรแกรมได้เลย
ปิดโปรแกรม Start up ได้เลยจาก Task Manager
ใน Task Manager ได้เพิ่มแท็บ Start up โดยในแท็บนี้จะแสดงรายชื่อของโปรแกรมที่ถูกสั่งให้รันขึ้นมา บางโปรแกรมนั้นมักจะมีการเช็คอัพเดตกลับไปที่เว็บไซต์ ซึ่งจริงๆ ไม่จำเป็นครับ เราสามารถสั่งปิดเพื่อให้วินโดวส์ทำงานได้เร็วขึ้น โดยการคลิกขวาแล้วสั่ง Disable ได้เลย
ทั้งหมดนี้คือที่เห็นชัดๆ นะครับ สำหรับการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของ core coding ที่เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพ ณ ตอนนี้ บอกตรงๆ ว่าไม่รู้สึกว่าแตกต่างจากวินโดวส์ 8 เท่าไร (จะว่าไปผมว่าช้ากว่านิดหน่อยด้วยซ้ำ) ด้วยเหตุที่ว่าวินโดวส์ 8 ทำออกมาได้ดีมากอยู่แล้ว ในเรื่องของการบูต การเปิดโปรแกรมต่างๆ ที่ค่อนข้างรวดเร็ว
บั๊กที่พบ
แน่นอนว่ารุ่นพรีวีวย่อมไม่มีอะไรสมบูรณ์ (แม้แต่รุ่นที่ขายจริงก็ยังบั๊กได้เลย) ระหว่างที่ได้ลองเล่นก็พบเจอข้อบกพร่องมากมาย แต่ถือเป็นเรื่องดีครับ เพราะทางไมโครซอฟท์ก็จะได้ฟีดแบ็กและนำไปปรับปรุงต่อไป
1. Start Menu บางครั้งขึ้นมานิดเดียว ไม่แสดงโปรแกรมอื่นๆ และไลฟ์ไทล์ เหมือนเวลาปกติ
2. Alt+Tab และ Windows+Tab ไม่ยอมทำงาน คือโชว์หน้าแอพและเวอร์ช่วลเดสก์ท็อปที่มีให้เห็น แต่ยังคงใช้สลับโปรแกรมได้อยู่เหมือนเดิม
3. อาการ Window force close ที่พบเจอกับบางโปรแกรม แต่ก็ไม่มากครับ โดยส่วนใหญ่สามารถใช้งานได้กับทุกโปรแกรม รวมถึงเกมด้วย
สรุป
เรียกว่าไมโครซอฟท์เข็นวินโดวส์ตัวใหม่ออกมาเร็วกว่าที่คิด เนื่องจากฟีดแบ็กจากวินโดวส์ 8 ที่ค่อนข้างแรง เท่าที่ได้ลองใช้แล้ว น่าจะถูกใจคนส่วนใหญ่ เพราะกลับมาใช้ในแบบที่คุ้นเคยอีกครั้ง อย่างไรก็ดีในอนาคตอาจมีการเปลี่ยนแปลง เพิ่มเติมอะไรต่างๆ เข้ามาอีกแน่นอน ต้องติดตามกันต่อไปครับ