นางสาวแซนดี้ โจว ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ทีซีแอล อิเล็กทรอนิกส์ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า “ในปี 2559 บริษัทฯ มีผลประกอบการจากการดำเนินงานอยู่ที่ 2.5 พันล้านบาท และสามารถรักษาครองตลาดผู้นำทีวีเป็นอันดับ 3 ในประเทศไทย หรือคิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 8% โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มสินค้าทีวีประเภท Smart TV และ QUHD TV ที่สามารถเข้าถึงฐานลูกค้าในระดับกลางถึงระดับพรีเมี่ยม ในปัจจุบันบริษัทฯ มีฐานลูกค้าแบ่งเป็นสัดส่วนกรุงเทพฯ 45% และในต่างจังหวัด 55% บริษัทฯ มีความพึงพอใจกับผลประกอบการที่เป็นไปตามเป้าหมาย เนื่องจากสวนกระแสกับภาพรวมของตลาดทีวีในปี 2559 ที่มีมูลค่าตลาดลดลงประมาณ 7.4% จากปี 2558 หรือคิดเป็นมูลค่าตลาดโดยรวมอยู่ที่ 23,000 ล้านบาท”
นางสาวแซนดี้ โจว กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในฐานะที่ TCL เป็นหนึ่งในสามของโลก และหนึ่งเดียวในประเทศจีนที่สามารถผลิตโทรทัศน์ได้ตั้งแต่ต้นจนจบ และเป็นกลุ่มบริษัทระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญด้านการผลิตสินค้าเทคโนโลยีระดับสูง และเป็นผู้ให้บริการแอปพลิเคชั่นทางอินเตอร์เน็ต สำหรับในประเทศไทย บริษัทฯ ได้จำหน่ายทีวีแบรนด์ TCL และดำเนินธุรกิจในไทยมาเป็นเวลากว่า 13 ปีแล้ว โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ มีผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยการยึดมั่นในกลยุทธ์หลักทางธุรกิจคือมุ่งเน้นและให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้าและผลิตภัณฑ์เป็นสำคัญ โดยได้มุ่งมั่นพัฒนาใน 3 ส่วนหลักๆ อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ 1. Brand Intelligent Terminal ผลลัพธ์ที่แสดงออกมาอย่างชาญฉลาดเพื่อให้ผู้รับชมพึงพอใจ 2. Price Performance การพัฒนาค่าประสิทธิภาพต่อราคาของสินค้าให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด และ 3. Performance Efficiency Development การพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานของบริษัทฯ ซึ่งเป็นผลให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นต่อผลิตภัณฑ์แบรนด์ของ TCL อย่างต่อเนื่องเช่นกัน”
นายวรรณพงษ์ ทวระ รองผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท จีเอฟเค รีเทล แอนด์ เทคโนโลยี จำกัด (ประเทศไทย) ในฐานะบริษัททำวิจัยการตลาดในประเทศไทย ประเมินสถานการณ์ว่า “สำหรับมูลค่าตลาดทีวีในปี 2560 คาดว่าจะใกล้เคียงกับมูลค่าปี 2559 ที่ผ่านมา ประกอบกับระยะเวลาในช่วงนี้ ผู้บริโภคยังคงระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอยเงินที่เกินความจำเป็น แต่อย่างไรก็ตามสินค้าในกลุ่มประเภททีวี ซึ่งหมายรวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทที่มีการออกแบบพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยได้นำนวัตกรรมเทคโนโลยีหรือการเชื่อมต่อเข้ากับแอปพลิเคชั่นต่างๆ ได้นั้น ยังคงเป็นสินค้าที่ผู้บริโภคมีความต้องการอยู่เป็นจำนวนมาก และเป็นสินค้าที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ดังนั้น บริษัทฯ จึงควรคำนึงถึงการนำเสนอสินค้าที่หลากหลาย ครอบคลุมความบันเทิงได้ครบวงจร ใช้งานง่ายไม่ยุ่งยาก มีบริการหลังการขายที่ดีและครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ และมีการรับประกันอายุการใช้งาน ที่สำคัญต้องมีราคาที่สมเหตุสมผลและไม่สูงจนเกินไป”
โดยในปี 2560 นี้ บริษัทฯ จะนำผลิตภัณฑ์ระดับกลางและระดับสูง รวม 6 ซี่รีย์ เข้ามาในประเทศไทย ได้แก่ รุ่น X3, C2, P3, P2 และ S6000 โดยรุ่น X3, C2, P3, P2 จะมีการเพิ่มฟีเจอร์นวัตกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง HDR หรือ High Dynamic Range เข้าไปเสมือนการสร้างภาพที่มีส่วนเปรียบต่างของ “แสง” ระหว่างความมืดและความสว่างให้อยู่ในภาพเดียวกัน โดยทีวีที่รองรับฟีเจอร์ HDR จะทำให้ภาพแสดงสีสันได้สวยสดงดงามยิ่งกว่าเดิม และมีรายละเอียดของภาพครบถ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพที่มีส่วนสว่างและมืดตัดกันอย่างชัดเจน เนื่องด้วย HDR จะมีศักยภาพในการไล่เฉดสี และไล่ระดับความสว่าง ความมืด ได้ดีกว่าทีวีแบบปกติ เช่น ภาพท้องฟ้าที่มืดมิด แล้วมีดาวระยิบระยับเต็มไปหมด ดาวบางดวงสว่างเจิดจ้า ดาวบางดวงส่องแสงริบหรี่ ทีวีทั่วไปอาจแสดงผลเป็นดาวที่มีความสว่างเท่ากันหมด แต่ถ้าเป็นทีวีที่มีฟีเจอร์ HDR จะสามารถเห็นแสงแต่ละดวงไม่เท่ากัน เนื่องจากมีไดนามิกเรนจ์ที่กว้างขึ้น จึงทำให้ทีวีสามารถเปล่ง “แสง” ที่สว่างได้มากกว่าเดิม ความดำก็จะดำสนิทมากขึ้น และในปีนี้ บริษัทฯ ได้ประเดิมด้วย QUHD TV รุ่น LED65E7800 ในขนาดจอ 65 นิ้ว ด้วยราคาเพียง 46,990 บาท, รุ่น LED55P2US ในขนาดจอ 55 นิ้ว ด้วยราคาเพียง 25,990 บาท, รุ่น LED49P2US ในขนาดจอ 49 นิ้ว ด้วยราคาเพียง 21,990 บาท และรุ่น LED43P2US ในขนาดจอ 43 นิ้ว ด้วยราคาเพียง 16,990 บาท เท่านั้น
นางสาวแซนดี้ โจว กล่าวถึงแผนดำเนินงานในปี 2560 บริษัทฯ มีแผนที่จะรุกหาพันธมิตรเพิ่มขึ้นเพื่อขยายช่องทางการจำหน่าย ทั้งในส่วนของดีลเลอร์เพิ่มขึ้น 30% ร้านโมเดิร์นเทรดเพิ่มขึ้นอีก 15% และปรับโฉมร้านค้าอีกกว่า 100 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ โฮมโปร ที่ Terminal 21 โคราช, เดอะมอลล์ บางแค เป็นต้น ทั้งนี้ TCL Thailand ยังมุ่งเน้นการปรับตกแต่งโชว์รูม TCL ภายใต้แนวคิด “The Creative Life” ในห้างโมเดิร์นเทรดให้ดูหรูหรายิ่งขึ้น รวมถึงขยายพื้นที่ให้กว้างขวางมากขึ้นเพื่อรองรับการขยายตัวของลูกค้า และมีแผนในการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ร่วมกับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซรายหลักๆ ในประเทศไทย โดยในปี 2560 บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าเติบโตด้วยส่วนแบ่งทางการตลาด 10% หรือยอดขายประมาณ 300,000 เครื่อง
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนในการขยายตลาดไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทอื่นๆ อาทิ ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ และเครื่องซักผ้า เพื่อเพิ่มความหลายหลายของสินค้าและรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ยังช่วยลดต้นทุนในการผลิตและลดความเสี่ยงในการบริหารงานอีกด้วย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ TCL โทร. 0-2248-7506 ในวันเวลาทำการ หรือสามารถเข้าเยี่ยมชม https://www.facebook.com/TCLTheCreativeLife