ถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์ที่น่าจับตามองชิ้นหนึ่งเลยทีเดียว ที่ผมใช้คำว่า “อุปกรณ์” กับเจ้าตัว Surface Pro ตัวนี้เพราะผมเลี่ยงที่จะใช้คำว่า “แท็บเล็ต” นั่นเองเพราะความสามารถของเจ้า Surface Pro ตัวนี้มันสามารถใช้งานได้เทียบเท่ากับแล็บทอปหรืออัลตร้าบุ้กที่มีอยู่ในตลาดเลยทีเดียวก่อนที่เราจะไปงัดแงะแกะเกาเจ้า Surface Pro ตัวนี้ว่ามีอะไรเด็ดๆ บ้างก่อนอื่นมาดูเสปกโดยทั่วไปกันก่อน
Operating System | Windows 8 Pro |
CPU | 3rd Gen Intel Core i5-3317U 1.7GHz with HD 4000 Graphic |
Memory | 4GB RAM — Dual Channel Memory |
Storage | 128 GB SSD |
Display | 1920×1080 pixels 16:9 widescreen |
Battery | 2-5 Hours |
Camera | Front and Rear 720p HD |
Wireless | WiFi 802.11a/b/g/n Bluetooth 4.0 |
Ports | USB 3.0 Micro SDXC card slot Headset Jack Mini Display Port Cover port |
เสปก
จากตารางเสปกของเครื่อง Surface Pro ที่ได้รับมาทดสอบนั้นจะเห็นได้ว่าใช้ CPU แรงเอาเรื่องเลยทีเดียวไม่ได้ใช้ชิปตระกูลโมบายแบบแท็บเล็ตหรือสมาร์ทโฟนทั่วๆไปกลับกัน Surface Pro กลับเลือกใช้ ชิป Core i5-3317U 1.7 GHz เลยทีเดียวซึ่งแน่นอนการใช้พลังงานก็มากขึ้นกว่าด้วยถึงแม้ว่าจะใช้ชิปแบบ ultra low voltage แล้วก็ตามหากเทียบกับชิปของสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตทั่วไปก็ยังถือว่ากินไฟเยอะกว่ามากจึงเป็นที่มาว่า Surface Pro นี้แบตเตอรีใช้งานได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง ย้อนกลับมาที่ความจุมีให้เลือกสองขนาดคือฮาร์ดดิสก์แบบ SSD 128 GB หรือ 64 GB แต่ตัวที่ทดสอบมีขนาด 128 GB (สำหรับ 64 GB ก็มีขนาดเท่ากับ 128 GB เช่นกัน) หน้าจอขนาด 10.6 นิ้ว ( 27.45 x 17.3 x 1.35 เซนติเมตร) ซึ่งตัว Pro จะมีขนาดที่หนากว่าเวอร์ชันที่เป็น RT อยู่เล็กน้อย สามารถรองรับการเชื่อมต่อแบบ Wifi ได้ทั้ง 802.11 a/b/g/n อีกทั้งรองรับ บลูทูธ 4.0
ด้านบนของเครื่องจะมีช่องลำโพงอยู่ด้านซ้ายและด้านขวาจะเป็นปุ่มเปิด/ปิด
ด้านซ้ายของเครื่องจะมีช่องเสียบสายแจ็คหูฟังขนาด 3.5 มม, ปุ่มปรับเสียงเพิ่ม/ลด และ พอร์ต USB 3.0 ตามลำดับ
ด้านขวาจะมีช่องเสียบ Micro SD card, ช่องเสียบชาร์ต/เหน็บปากกา และ มินิดิสเพลย์พอร์ต อยู่
ด้านล่างของตัวเครื่องจะเป็นช่องแม่เหล็กสำหรับยึดตัวเครื่องกับตัวคีย์บอร์ดแพด
ด้านหลังจะมีกล้องหลังที่มีความละเอียดถึง 720p และสามารถเปิดฝาตั้งออกมาได้
ทดสอบการใช้งาน
ใน Surface Pro นั้นเราสามารถลงโปรแกรมที่ไม่ได้มาจาก ไมโครซอฟท์สโตร์ได้เหมือนเราใช้งานเครื่องพีซีหรือแล็บทอปเลยซึ่งในจุดนี้ทำให้เวอร์ชัน Pro แตกต่างจากเวอร์ชัน RT เป็นอย่างมากเนื่องจากถ้าเป็นเวอร์ชัน RT จะไม่สามารถลงโปรแกรมในเครื่องเพิ่มเองได้โดยตรงต้องลงผ่าน ไมโครซอฟท์สโตร์เท่านั้นส่วนโปรแกรมที่มากับเครื่องเวอร์ชันโปรนี้มีเพียงแค่ Windows Mail, Messaging, Skydrive, IE10, Xbox Music, Video และ Games เท่านั้นในส่วนจุดเด่นๆ ในการใช้งานโปรแกรมจำพวก ไมโครซอฟท์ออฟฟิศคือสามารถใช้งานในแบบที่เป็นเมาส์/คีย์บอร์ด หรือ แบบทัชซึ่งมีความแตกต่างกัน ตัวอย่างเช่นหากเราใช้งานโปรแกรมไมโครซอฟท์เวิร์ดเมื่อกดไปที่เมนูด้านบนจะมีแถบริบบอนโผล่ออกมาเพื่อเลือกเมนูย่อยต่อไป แต่หากเราใช้นิ้วจิ้มเลือกเมนูด้านบนเมนูที่ปรากฏจะมีขนาดใหญ่กว่าการใช้เมาส์หรือคีย์บอร์ดกดเพื่อให้เหมาะกับการใช้นิ้วทัช ซึ่งในโปรแกรมชุดออฟฟิศอื่นๆ ก็จะเป็นเช่นเดียวกับโปรแกรมเวิร์ดนี้ นอกเหนือจากการใช้งานด้วยโปรแกรมทั่วไปยังได้ทดสอบ CPU และการ์ดจอ ด้วยโปรแกรม benchmark อย่าง Unigine Heaven Benchmark 4.0 ซึ่งก็ทำคะแนนได้ออกมาไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก อีกทั้ง เฟรมเรตก็ถือว่าต่ำเลยทีเดียว
การทดสอบอื่นๆ
หลายๆคนคงสังเกตุแล้วว่าฝาปิดที่เป็นคีย์บอร์ดของ Surface นั้นมีขนาดบางอยู่และการยึดติดตัวเครื่องกับตัวคีย์บอร์ดนั้นก็ใช้เพียงแถบแม่เหล็กเป็นตัวยึดเท่านั้น จึงเป็นที่มาของความกังขาว่าแล้วมันหลุดง่ายหรือไม่ทาง PCToday เลยได้ทดสอบด้วยการจับตัวคีย์บอร์ดไว้แล้วปล่อยให้ตัวเครื่องห้อยลงมาผลปรากฏว่าสามารถยึดติดไว้ได้อย่างเหนียวแน่น
นอกจากนี้คีย์บอร์ดทั้งสองชนิดของ Surface ทั้งที่เป็นแบบ ทัช (แบบเรียบ) และที่เป็นแบบ ไทฟ์(แบบแข็งนูนๆนิดๆ) เมื่อทำมุมกับตัวเครื่องเกิน 180 องศาก็จะไม่สามารถพิมพ์ได้ตัวเครื่องจะปรับเข้าสู่โหมดที่เป็นแท็บเล็ตทันทีและจะมีเวอร์ชวลคีย์บอร์ดโผล่ขึ้นมาที่หน้าจอ ในตัวคีย์บอร์ดที่เป็นแบบไทฟ์ นั้นผู้ใช้โดยทั่วไปไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกับการใช้มากนักเพราะให้ความรู้สึกเหมือนกับคีย์บอร์ดที่เราใช้กับพีซีและในแล็บทอปโดยทั่วไป แต่สำหรับคีย์บอร์ดแบบทัชนั้นอาจจะต้องมีการใช้ให้คุ้นมือสักหน่อยก่อนที่จะใช้ได้อย่างถนัดนักเพราะหลักการการทำงานของคีย์บอร์ดแบบทัชนี้ไม่ใช่ว่าแค่เพียงแตะที่ตัวอักษรแล้วจะสามารถพิมพ์ได้ แต่ตรงคีย์บอร์ดแต่ละปุ่มจะต้องได้รับแรงกดในระดับนึงก่อนที่จะตอบสนองการทำงาน อีกสิ่งหนึ่งที่สังเกตุได้จากการใช้งานไปสักระยะหนึ่งเมื่อมีความร้อนเกิดขึ้นมากๆ อย่างเช่นการเล่นไฟล์วิดีโอ หรือเปิดโปรแกรมพวกกราฟิก รวมถึงการใช้โปรแกรม benchmark ในการทดสอบเครื่อง จะได้ยินเสียงพัดลมระบายความร้อนออกมารอบๆ ตัวเครื่องเลยทีเดียว และถือว่าความร้อนค่อนข้างจะสูงมากเมื่อนำไปเทียบกับแท็บเล็ตหรือแล็บทอปโดยทั่วๆ ไป อีกสิ่งหนึ่งที่จะลืมกล่าวถึงไปไม่ได้อย่างเด็ดขาดคือ ปากกาหรือ สไตลัส ที่มากับเครื่อง Surface ที่เป็นเวอร์ชัน Pro เท่านั้น จากที่ทดลองใช้ทำให้รู้สึกว่าตัว Surface นั้นทำออกมารองรับกับอินพุตทุกรูปแบบจริงๆ อีกทั้งยังเป็นการประกาศของไมโครซอฟท์ว่าประสิทธิภาพของ Windows 8 นี้สามารถรองรับอินพุตได้ทุกรูปแบบจริงๆ
Performance | 9 |
สามารถใช้งานได้เหมือนแล็ปทอปเลยทีเดียว | |
Design | 10 |
เรียบหรู เหมาะกับการใช้งานได้ทุกที่ | |
Feature | 7 |
รองรับอินพุตได้หลากหลายแต่มีปัญหาเรื่องแบตหมดเร็ว | |
Best Value | 7 |
ราคาค่อนข้างสูงเมื่อนำไปเทียบกับแล็บทอป/ultrabooks | |
First Impression | 8 |
การใช้งานง่ายสามารถเปลี่ยนคีย์บอร์ดได้แล้วแต่ความชอบ |
สรุป
Surface Pro นั้นสะดวกในแง่ของการพกพาไปทำงานด้วยประสิทธิภาพของ CPU ที่เทียบได้กับแล็บทอปดีๆ เครื่องหนึ่งแต่ระยะการทำงานในแต่ละวันจะไม่นานนักเนื่องจากในเรื่องของข้อจำกัดทางด้านแบตเตอรี แต่ก็นับได้ว่าเป็นอุปกรณ์ที่ตอบรับการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการทำงานด้วย คีย์บอร์ด/เมาส์, ทัชสกรีน และ การเขียนด้วยปากกา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นราคาก็สูงเอาเรื่องอยู่ Surface Pro 128 GB รุ่นที่นำมารีวิวนั้นมีราคาขายอยู่ที่ 31,500 บาทซึ่งยังไม่รวมคีย์บอร์ดอีกประมาณ 4,000 บาท โดยรวมๆ แล้วเครื่องหนึ่งจะอยู่ที่ 35,000 บาทและด้วยราคานี้สามารถหาซื้อแล็บทอปดีๆหรือ Ultrabook แรงๆ มาใช้ก็ยังได้