จากสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวขึ้นทุกวันจนผู้คนไม่ต้องการออกจากบ้าน และการใช้เวลาบนสมาร์ทโฟนของคนไทยที่มีมากขึ้น โดยเฉลี่ยแล้วคนไทยใช้เวลา 147 นาที หรือเกือบ 3 ชั่วโมงต่อวันไปกับสมาร์ทโฟน (ผลการศึกษาวิจัย AdReaction ของ Millward Brown, มีนาคม 2559) ขณะที่ Mastercard เปิดเผยว่า คนไทยโดยเฉลี่ยสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์อย่างน้อย 1 ครั้งในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา (MastercardSurvey, 24 มีนาคม 2559) และโซเชียลเน็ตเวิร์กกลายเป็นช่องทางที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้สำหรับการติดต่อสื่อสารในแต่ละวัน ด้วยไลฟ์สไตล์ดังกล่าว ผู้คนจำนวนมากจึงสนใจสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซมากมาย แล้วอะไรคือความแตกต่างของแต่ละแพลตฟอร์มที่มีอยู่ในปัจจบัน ผู้บริโภคควรจะเลือกใช้ช่องทางใดเพื่อความปลอดภัย และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ หรือรสนิยมของพวกเขาได้ดีที่สุด
Shopee คือทางเลือกใหม่สำหรับการสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์ โดยเป็นตลาดออนไลน์ที่รวบรวมสินค้าอินเทรนด์หลากหลายประเภท นำเสนอเกือบทุกสิ่งที่ลูกค้าต้องการ อย่างไรก็ดี ผู้บริโภคบางรายอาจยังไม่ทราบว่าบริการของ Shopee มีลักษณะเป็นอย่างไร แตกต่างกับช่องทางอื่นๆอย่างไร จริงๆแล้ว Shopee เปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนธันวาคม 2558 ปัจจุบันมีผู้ใช้มากกว่า 2 ล้านคน และมีผู้ติดตามผ่านทางอินสตาแกรมมากกว่า 170,000 คน โดย Shopee นำเสนอสินค้าหลากหลายประเภทมากกว่า 1.5 ล้านรายการ
สิ่งที่ทำให้ Shopee โดดเด่นและแตกต่างจากผู้ให้บริการตลาดออนไลน์อื่นๆ ก็คือ ความรวดเร็ว ความปลอดภัย และการนำเสนอสินค้าในราคาที่ถูกกว่า โดยในเรื่องของความรวดเร็ว Shopee ช่วยให้ผู้ซื้อสามารถเลือกสินค้า พูดคุยกับผู้ขาย และสั่งซื้อสินค้าจบภายในแพลตฟอร์มเดียว ยิ่งไปกว่านั้น Shopee ยังเพิ่มความสะดวกในการค้นหาสินค้า โดยผู้ซื้อสามารถค้นหาสินค้าที่ต้องการโดยใช้คำค้นหา ชื่อร้านค้า หรือแม้กระทั่งแฮชแท็ก (#) จากนั้นรายชื่อสินค้าจะปรากฏขึ้นทันที พร้อมด้วยรายการสินค้าที่แนะนำซึ่งผู้ซื้ออาจมีความสนใจเช่นกัน ต่อจากนั้นผู้ซื้อสามารถเลือกดู สั่งซื้อ และทำการชำระเงินได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที Shopee ทำให้การค้นหาสินค้าเป็นไปอย่างง่ายดาย และสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ซื้อ โดยผู้ซื้อไม่จำเป็นต้องสลับแอพไปมาเพื่อพูดคุย หรือเลือกสินค้า ไม่ต้องเสียเวลาแคปเจอร์หน้าจอเพื่อระบุสินค้า หรือเดินหาสินค้าจากชั้นวางที่มีอยู่มากมายในร้านค้า
อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ Shopee ต่างจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอื่นๆก็คือ ผู้ซื้อจะพบกับสินค้าที่มีราคาถูกกว่า โดยไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝงแต่อย่างใด ยิ่งไปกว่านั้น Shopee ยังมอบส่วนลด (voucher code) ให้กับผู้ซื้อซึ่งผู้ซื้อสามารถซื้อสินค้าในราคาสุดพิเศษได้ทันที
86.8% ของผู้ช้อปออนไลน์ลงความเห็นว่า “ความปลอดภัยในการชำระเงิน” เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการตัดสินใจว่าจะซื้อของออนไลน์หรือไม่ (MastercardSurvey, 24 มีนาคม 2559) Shopee ให้บริการ “การการันตีโดย Shopee” (Shopee Guarantee) โดยกระบวนการคือ ผู้ซื้อจะจ่ายเงินให้กับ Shopee ก่อน จากนั้น Shopee จะถือเงินไว้จนกว่าผู้ซื้อจะได้รับ และยอมรับสินค้า แล้ว Shopee จึงค่อยโอนเงินให้แก่ผู้ขาย กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ หากผู้ซื้อไม่ได้รับสินค้า ผู้ซื้อสามารถทำการรีฟัน และรับเงินคืนได้อย่างรวดเร็วภายใต้ “การการันตีโดย Shopee” ผู้ซื้อสามารถเลือกชำระเงินได้หลายวิธี เช่น บัตรเครดิต บัตรเดบิต โอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร โอนเงินทางออนไลน์ และแม้กระทั่งชำระเงินสดเมื่อได้รับสินค้า หมดปัญหาการถูกผู้ขายโกงเงิน ผู้ซื้อเปลี่ยนใจ หรือการทำธุรกรรมในลักษณะฉ้อโกง
ปัจจุบันผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้าทางออนไลน์โดยไม่มีอะไรมากไปกว่า การมองหาสินค้าราคาถูก การให้บริการที่รวดเร็ว และระบบที่มีความปลอดภัย และทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ผู้บริโภคจะได้รับผ่าน Shopee โดย Shopee รองรับการซื้อ-ขายสินค้าออนไลน์ระหว่างผู้บริโภคด้วยกัน (C2C) ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายสามารถเชื่อมต่อเข้าสู่แพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย และเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพเพื่อซื้อและขายสินค้าที่ต้องการ นับเป็นการให้บริการตลาดออนไลน์แบบครบวงจรที่เหนือชั้น และได้รับความไว้วางใจมากที่สุดช่องทางหนึ่ง โดย Shopee สามารถใช้งานได้บนอุปกรณ์ทั้งระบบ Android และ IOS
บทความโดย: ช้อปปี้ (Shopee) – ตลาดออนไลน์บนมือถือ