ผลประกอบการสูงสุดเป็นประวัติการณ์ การเติบโตในตลาดหลัก ๆ และสินค้าใหม่หลากหลายรุ่น: เซนไฮเซอร์ กรุ๊ป ซึ่งเพิ่งเปิดเผยผลประกอบการประจำปีเมื่อวานนี้ ในปีงบประมาณ 2558 นั้นประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง แสดงถึงความมุ่งมั่นในการไปสู่เป้าหมาย ในฐานะผู้กำหนดอนาคตอุตสาหกรรมเครื่องเสียงโลก โดยผลประกอบการในปี 2558 ที่ผ่านมา เพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 7.5 มาอยู่ที่ 682 ล้าน 2 แสนยูโร และมีผลประกอบการรวมทั่วโลกดีขึ้นจากปีก่อนหน้าอย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มทวีปอเมริกาและเอเชียแปซิฟิก ผลกำไรก่อนหักภาษีในปี 2558 อยู่ที่ 30 ล้าน 3 แสนยูโร
เซนไฮเซอร์ กรุ๊ป ปิดยอดปีงบประมาณ 2558 อย่างประสบความสำเร็จและเป็นอีกครั้งที่มีรายงานผลประกอบการสูงขึ้นมาก
“เราสามารถทำลายสถิติผลประกอบการเดิมได้อีกครั้ง และสามารถรักษาระดับการเติบโตขึ้นได้ตลอดระยะเวลา 2 – 3 ปีที่ผ่านมา” ดาเนียล เซนไฮเซอร์ ซีอีโอร่วมของกลุ่มบริษัทเซนไฮเซอร์ “ความสำเร็จนี้แสดงให้เห็นว่ากลยุทธ์ของเราที่มุ่งเน้นด้านการเติบโตระยะยาวและยั่งยืนได้ผลตามที่คาดในทุกภูมิภาคทั่วโลก” ขณะที่ ดร. อันเดรอาส เซนไฮเซอร์ ซีอีโอร่วมอีกคนของกลุ่มบริษัทเซนไฮเซอร์ ก็เสริมว่า “ที่เป็นเหตุผลที่ทำให้เราแข็งแกร่งในฐานะธุรกิจที่ขับเคลื่อนกันภายในครอบครัว: เราไม่เน้นการทำกำไรระยะสั้น แต่เน้นการสร้างประสบการณ์การฟังที่สมบูรณ์แบบให้กับลูกค้า พร้อมด้วยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการเป็นผู้กำหนดอนาคตของวงการเครื่องเสียงโลก”
ในทวีปอเมริกาและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นแรงกระตุ้นการเติบโต
สำนักงานของเซนไฮเซอร์ กรุ๊ป ส่วนภูมิภาคทั้งสามแห่งชี้ให้เห็นตัวเลขผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าพึงพอใจ ซึ่งสำหรับอันเดรอาส เซนไฮเซอร์ นี่ถือเป็นผลลัพธ์โดยตรงของกลยุทธ์การตลาดที่สมดุล: “เราเจาะเข้าภูมิภาคและตลาดใหม่ ๆ เช่น เกาหลีและลาตินอเมริกา ขณะที่ไม่ได้ลดความสำคัญของตลาดใหญ่ที่มีอยู่แล้ว” ทั้งนี้ การเติบโตทางธุรกิจที่เห็นได้ชัดเจนคือบริเวณภาคพื้นอเมริกา (ทั้งเหนือ กลาง และใต้) ซึ่งสามารถสร้างผลประกอบการได้ถึง 179 ล้าน 8 แสนยูโร เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 26 ล้าน 8 แสนยูโร หรือร้อยละ 17.5
ขณะที่ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (เอเชียและออสเตรเลีย) ก็มีผลประกอบการเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเช่นกันจากปีก่อนหน้า (ปีงบประมาณ 2557) คือเพิ่มขึ้น 14 ล้าน 6 แสนยูโร หรือร้อยละ 11 รวมมูลค่าผลประกอบการในภูมิภาคนี้เท่ากับ 147 ล้าน 2 แสนยูโร
สำหรับตลาดยูโรเมดิเตอร์เรเนียน (EMEA – ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา) ยังคงเป็นตลาดที่แข็งแกร่งที่สุดของเซนไฮเซอร์ ด้วยตัวเลขผลประกอบการที่ 355 ล้าน 2 แสนยูโร เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 1.7 โดยเป็นอีกหนึ่งปีที่ประเทศเยอรมนีทำรายได้โตขึ้นแบบตัวเลขสองหลัก “เรายินดีเป็นอย่างมากที่เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เราสามารถขยายธุรกิจภายใน ประเทศจากเดิมที่มั่นคงอยู่แล้วให้มั่นคงยิ่งขึ้นได้” ดาเนียล เซนไฮเซอร์ กล่าว
ในปีงบประมาณ 2558 ที่ผ่านมานี้ บริษัทสามารถทำรายได้นอกประเทศเยอรมนีได้มากถึงร้อยละ 84.5 ของรายได้ทั้งหมด ปัจจุบันนี้เซนไฮเซอร์ กรุ๊ป มีสำนักขายในเครือรวม 19 แห่ง และมีพันธมิตรทางธุรกิจในกว่า 50 ประเทศทั่วโลก และจะเดินหน้าตามกลยุทธ์การขยายธุรกิจในระดับสากลที่มีอยู่นี้ต่อไป
ผลประกอบการเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในทั้งสองภาคส่วนธุรกิจ
ในปี 2558 บริษัทสามารถเติบโตทั้งในแผนกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภครายย่อย และสำหรับมืออาชีพ โดยในแผนกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับมืออาชีพ มีผลประกอบการเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 10.9 มาอยู่ที่ 347 ล้านยูโร ส่วนแผนกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภครายย่อย ก็เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.1 มาอยู่ที่ 335 ล้าน 2 แสนยูโร
ทั้งนี้ ในปี 2558 ที่ผ่านมา เซนไฮเซอร์ กรุ๊ป ได้พัฒนาและเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่ ๆ หลากรุ่น รวมถึงการเปิดตัวไมโครโฟนถือแบบไร้สายรุ่น D1 สำหรับการแสดงดนตรีสด และไมโครโฟนรุ่น AVX สำหรับสื่อมวลชนวีดีทัศน์ เท่ากับเป็นการเพิ่มจำนวนสินค้าใหม่ที่เป็นระบบดิจิทัลในกลุ่มสินค้าไมโครโฟนไร้สายสำหรับมื่ออาชีพในช่วงครึ่งปีแรกของ 2558 ขณะที่แผนกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภครายย่อย ก็ได้มีการเปิดตัวหูฟังรุ่นที่สองในครอบครัว “โมเมนตัม” รวมถึงแบบไร้สาย ตลอดจนมีการเปิดตัวชุดหูฟังไร้สายแบบดิจิทัลรุ่น RS สำหรับการใช้งานแบบโฮม เอ็นเทอร์เทนเม้น เมื่อปีที่ผ่านมาด้วย
จำนวนพนักงานเพิ่มขึ้นทั่วโลก
เซนไฮเซอร์ กรุ๊ป ว่าจ้างพนักงานทั่วโลกราว 2,750 คนในช่วงสิ้นสุดปี 2558 และตลอดทั้งปีนั้นมีจำนวนพนักงานเฉลี่ยที่ 2,704 คน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 4 โดยที่ร้อยละ 51 ของพนักงานทั้งหมดทำงานในเยอรมนีและอีกร้อยละ 49 ทำงานในต่างประเทศ ส่วนจำนวนพนักงานฝึกงานทั่วโลกนั้นรวมอยู่ที่ 76 คน ไม่ต่างจากจำนวนของเมื่อปี 2557
การลงทุนในอนาคต
การลงทุนในด้านการวิจัยและพัฒนาในปี 2558 เพิ่มขึ้นจากเดิมร้อยละ 8.5 มาอยู่ที่ 46 ล้าน 9 แสนยูโร สอดคล้องกับตัวเลขร้อยละ 6.9 ของผลประกอบการรวมของบริษัท และเช่นเดียวกับรายงานเมื่อปีก่อนหน้า จำนวนพนักงานในแผนกวิจัยและพัฒนายังคงเพิ่มขึ้นจากเดิม โดยปีล่าสุดนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.7 มาอยู่ที่ 354 คน ขณะเดียวกัน ก็มีการสร้างความแข็งแกร่งด้านนวัตกรรมด้วยการลงทุนในสำนักงานใหญ่ที่เวเดมาร์ก โดย “วิทยาเขตนวัตกรรม” ของเซนไฮเซอร์ เปิดตัวขึ้นในปี 2558 และกลายเป็นศูนย์ค้นคว้าด้านนวัตกรรมที่ทันสมัยที่สุดในของอุตสาหกรรมเครื่องเสียง
“การลงทุนของเราในการวิจัยและพัฒนาแสดงให้เห็นว่าเซนไฮเซอร์ไม่รั้งรอให้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เกิดขึ้น แต่จะวางรากฐานและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ นั้นเสียเอง” อันเดรอาส เซนไฮเซอร์ กล่าว “หนึ่งในขุมพลังด้านนวัตกรรมที่เราได้แสดงให้เห็นแล้วคือหูฟังชั้นเลิศรุ่น HE 1 ที่เปิดตัวไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2558 ที่มีกลไกไม่ซ้ำใครอย่างกำลังการขยายเสียงที่แม่นยำที่สุด มิติเสียงที่ลุ่มลึก และความถี่ที่กว้างเกินกว่าที่หูมนุษย์จะรับรู้ได้ จนถือว่าเป็นหูฟังที่มีพลังเสียงดีที่สุดในโลก ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องเสียง การพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับอนาคตเพื่อลูกค้าจึงเป็นความรับผิดชอบของเราด้วย และที่สำคัญคือเรามีทักษะ ความชำนาญ และศักยภาพที่จะทำได้ด้วย” ดาเนียล เซนไฮเซอร์ กล่าวเพิ่มเติม
ภาพรวม 2559: “ร่างแบบอนาคตของเครื่องเสียง”
เซนไฮเซอร์จะมุ่งหน้าวางรากฐานสู่อนาคตของวงการเครื่องเสียงตามเป้าหมายต่อไปในฐานะบริษัทที่บุกเบิกเทคโนโลยีทางด้านนี้ ตามวิสัยทัศน์ “ร่างแบบอนาคตของเครื่องเสียง” ของบริษัท “ไม่ว่าใครก็ตามที่ต้องการเป็นผู้นำ ล้วนต้องมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและต้องกล้าที่จะเริ่มต้นในหนทางใหม่ ๆ พร้อมไปกับลูกค้า” ดาเนียล เซนไฮเซอร์ อธิบาย “นี่คือหัวใจสำคัญของวิสัยทัศน์เรา”
อันเดรอาส เซนไฮเซอร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ธุรกิจเครื่องเสียงกำลังเข้าสู่ยุคทอง สำหรับลูกค้าแล้ว รูปแบบและวิถีใหม่ ๆ แห่งการสร้างและเสพดนตรีเกิดขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เราค้นคว้ามาเป็นเวลาหลายปีแล้วทั้งสิ้น”
กลุ่มผลงานหลักที่แผนกวิจัยของเซนไฮเซอร์ให้ความสำคัญก็คือ การพัฒนา AMBEO (แอมบีโอ) เทคโนโลยี อิมเมอร์ซีฟ ออดิโอ 3 มิติ (3D immersive audio) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการให้เสียงแบบ 3 มิติ ที่ทันสมัยที่สุดของการให้เสียงแบบออดิโอที่มีเอกลักษณ์ด้านความแม่นยำระดับสูง “เรากำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์ใน 4 กลุ่มหลัก: การอัด การมิกซ์ การเรียบเรียง และการกระจายเสียง โดยจะมีไมโครโฟนจริงเสมือน (เวอร์ชวล เรียลิตี) เป็นสินค้า AMBEO ชิ้นแรก และเมื่อพร้อมในการผลิตเพื่อวางจำหน่ายในปีนี้ ก็จะเกิดความเปลี่ยนแปลงโดยมีผลกระทบในทางบวกกับวงการ คอนเทนท์ของความเป็นจริงเสมือน (เวอร์ชวล เรียลิตี) อย่างแน่นอน” ดาเนียล เซนไฮเซอร์ กล่าว
นอกจากนี้ เซนไฮเซอร์ กรุ๊ป ยังคาดหวังว่าในปี 2559 จะเป็นอีกปีที่ประสบความสำเร็จเช่นกัน “ปีนี้เราเริ่มต้นได้ดีและได้เปิดตัวสินค้าใหม่ ๆที่น่าตื่นเต้น กับลูกค้าไปบ้างแล้ว” อันเดรอาส เซนไฮเซอร์ กล่าว “เราจะสานต่อแนวทางที่ได้เริ่มต้นไว้ และเติมเต็มความต้องการในการสร้างสรรค์อนาคตของอุตสาหกรรมเครื่องเสียงต่อไป”