เอสเอพี เอสอี (NYSE: SAP) ได้ประกาศเปิดตัว SAP S/4HANA® 1610 โซลูชั่น ERP business suite รุ่นใหม่จากเอสเอพี ด้วยการใช้ประโยชน์จาก ดาต้า โมเดล ที่ไม่ซับซ้อน และประสบการณ์การใช้งานอันเหนือชั้นของ SAP Fiori® 2.0 การันตีด้วยรางวัลจากเวทีระดับโลก โซลูชั่นดังกล่าว จะช่วยให้ผู้ใช้งานลดความซับซ้อนในการทำงาน และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้มากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ด้วยความสามารถในการคาดการณ์และจดจำรูปแบบการทำงาน บวกกับความสามารถในด้าน Machine Learning ส่งผลให้ SAP S/4HANA สามารถวางรากฐานในการลดการจัดการกับข้อผิดพลาดสู่การปฏิบัติงานประจำที่ไหลลื่น เพิ่มขีดความสามารถให้กับบุคลากรในการให้ความสำคัญกับชิ้นงานที่มีมูลค่าสูงกว่า ด้วยระบบการวิเคราะห์ที่มากับโซลูชั่น และการนำเสนอข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์
นายไซมอน เดล ผู้จัดการทั่วไป แผนก Innovation Sales ของเอสเอพี ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น กล่าวว่า “การเปิดตัว SAP S/4HANA 1610 คือการเปิดตัวโซลูชั่นแบบติดตั้งในองค์กรครั้งใหญ่ครั้งที่สามจากเอสเอพี นับตั้งแต่การเปิดตัว SAP S/4HANA เป็นครั้งแรกเมื่อปีที่ผ่านมา บริษัททุกขนาด ครอบคลุมอุตสาหกรรมทุกประเภท กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการทำธุรกิจเพื่อใช้ประโยชน์จากแนวคิดเศรษฐกิจดิจิตอลให้ได้มากที่สุด การเปิดตัวโซลูชั่นดังกล่าว ถือเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของเราในการช่วยเหลือองค์รต่างๆในการใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิตอล (digital transformation) และส่งมอบการให้บริการที่ทรงคุณค่ามากยิ่งขึ้นแก่ลูกค้า พร้อมไปกับการลดความซับซ้อนของภูมิภาคด้านไอทีในองค์กรลงอย่างมหาศาลด้วยการใช้ ดิจิตอล คอร์ เป็นแกนหลักในการปฏิบัติงาน”
เปลี่ยนระบบซัพพลายเชนที่กำลังขยายตัวให้กลายเป็นระบบดิจิตอล
ปัจจุบัน ลูกค้ามีความคาดหวังที่เพิ่มมากขึ้น อันเนื่องมาจากประสบการณ์ในการค้นหาและเลือกซื้อ ไปจนถึงการส่งมอบสินค้าและบริการที่เข้ากับความต้องการของตนได้เหมาะที่สุด สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้บริษัทต่างๆต้องการบริหารจัดการความซับซ้อนที่เพิ่มมากขึ้นของช่องทางซัพพลายเชนที่มีอยู่หลากหลาย เพื่อการส่งมอบสินค้าและบริการให้กับลูกค้าได้อย่าง “เฉพาะตัวสำหรับลูกค้าแต่ละคน” ผ่านระบบซัพพลายเชนแบบ “lot size of one” ด้วยประสิทธิภาพในการใช้งานและระบบการทำงานแบบบูรณาการของ SAP S/4HANA 1610 ช่วยให้ระบบซัพพลาย เชนต่างๆ สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วยความคล่องตัวที่มากขึ้น ช่วงเวลาระหว่างการวางแผนงานกับการผลิตลดลง สามารถให้บริการลูกค้าได้ดีขึ้น และเพิ่มรายได้มากขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น ผู้วางแผนระบบซัพพลายเชนต่างๆ สามารถคาดการณ์การเตือนล่วงหน้าสำหรับกรณีที่วัสดุอุปกรณ์มีจำนวนไม่พอต่อความต้องการ โดยอ้างอิงได้จากแหล่งข้อมูลทั้งภายในและภายนอกองค์กร ด้วยการแสดงข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์ บริษัทต่างๆสามารถจำแนกกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจนยิ่งขึ้นจากข้อเสนอด้านการให้บริการที่มีมูลค่าสูง ทั้งยังสามารถรับรู้ความสามารถในการให้บริการที่สนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุดและแม่นยำมากยิ่งขึ้น เพื่อช่วยให้บริษัทต่างๆสามารถบริหารจัดการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในโลกดิจิตอลปัจจุบัน ส่วนขยายสำหรับศูนย์กลางระบบซัพพลายเชนต่อไปนี้ คือสิ่งที่มาพร้อมกับโซลูชั่นดังกล่าว
- Advanced available to promise (aATP) มอบความสามารถในการบริหารจัดการด้านการแบ่งสันปันส่วนในระดับขั้นต่างๆ ด้วยสมรรถนะการทำงานระดับสูง และการยืนยันคำสั่ง ATP แบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ การดำเนินการและตรวจสอบสินค้าขาดสต๊อกรูปแบบใหม่ และขั้นตอนการจัดตารางเวลาแบบอินเตอร์แอคทีฟ ยังสามารถช่วยให้ผู้ใช้งานมั่นใจได้ว่าข้อจำกัดของอุปทานที่มีอยู่นั้นตรงกับความต้องการที่ลูกค้าให้ความสำคัญมากที่สุด
- การบริหารจัดการสินค้าคงเหลือ ช่วยให้การบริหารจัดการในการดำเนินงานเป็นไปได้ง่ายขึ้นและยืดหยุ่นขึ้น ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตของผู้ใช้งาน ในระดับเดียวกับแอพพลิเคชั่น SAP Fioriซึ่งช่วยในด้านการติดตามสินค้าคงคลังและรายการสินคาที่มีการเคลื่อนตัวช้า รวมไปถึงการติดตามด้านอายุสินค้า และการอัพเดทสถานะสินค้าที่อยู่ระหว่างการจัดส่งได้แบบเรียลไทม์
- Material requirement planning (MRP)รวบรวมการวางแผนการผลิตและการจัดตารางเวลาแบบละเอียด (PPDS) ซึ่งสามารถใช้งานได้โดยปราศจากความซับซ้อนและการรักษาสภาพข้อมูล เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเร่งความเร็วของขั้นตอน MRP จากหลายชั่วโมงเหลือเพียงไม่กี่นาที และยังช่วยในด้านการวางแผนและการจัดตารางเวลาที่เกี่ยวข้องกับข้อจำกัดต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย
- Extended warehouse management (EWM) นี่คือฟังก์ชั่นที่ช่วยลดความซับซ้อนอย่างมหาศาลในการปรับใช้ความสามาถในการบริหารจัดการคลังสินค้าในขั้นสูงต่างๆ เช่น เครื่องมือในการจัดการกับเครื่องจักรกลแบบระบบอัตโนมัติ การเพิ่มประสิทธิภาพชิ้นงานและแรงงาน รวมถึงการใช้งานผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ต่างๆ โดยสิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องพึ่งระบบบูรณาการแยกต่างหากในการดำเนินงานแต่อย่างใด ทั้งนี้ แอพพลิเคชั่น EWM จากเอสเอพี สามารถนำไปใช้งานได้ทั้งแบบฝังตัว และแบบโปรแกรมแยกต่างหาก
- Environment, health and safety (EHS) รูปแบบการบริหารจัดการที่ครอบคลุมและควบรวมฟังก์ชั่นการใช้งานแบบใหม่ซึ่งใช้ประโยชน์จากแนวคิดการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิตอลที่กำลังเกิดขึ้นในแทบทุกองค์กร ฟังก์ชั่นดังกล่าวใช้ข้อมูลแบบเรียลไทม์เพื่อสนับสนุนผู้ใช้งานในด้านการบริหารจัดการความเสี่ยงในการดำเนินงาน ความปลอดภัยและข้อบังคับสำหรับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน ด้วยโซลูชั่นแบบบูรณาการเพื่อการบริหารจัดการเฉพาะสำหรับเหตุการณ์ต่างๆ รวมถึงการบริการจัดการด้านสารเคมีในโรงงาน การประเมินความเสี่ยงในการปฏิบัติงาน การควบคุมดูแลด้านสุขอนามัยในโรงงาน และการบริหารจัดการด้านระเบียบการทั่วไปต่างๆ
นาย อาร์นาบ มุคเคอร์จี ผู้จัดการฝ่าย enterprise applications จาก Varian Medical Systems กล่าวว่า “เราทำตามขั้นตอนจากเอสเอพี และสามารถอัพเกรดระบบจาก SAP Business Suite powered by SAP HANA ECC EHP 8 เป็น SAP S/4HANA 1610 ได้อย่างสมบูรณ์ภายใน 10 วัน เราวางแผนที่จะติดตั้ง SAP S/4HANA 1610 อย่างเต็มรูปแบบภายในปี 2017 เนื่องจากตัวโซลูชั่นดังกล่าวได้รวบรวมส่วนประกอบที่สำคัญ ได้แก่ การขยายความสามารถด้านการบริหารจัดการคลังสินค้า และการบริหารจัดการรายละเอียดสินค้า นอกจากนี้ ดาต้า โมเดล ที่ไม่ซับซ้อนและภูมิภาคด้านไอทีที่สอดคล้องกัน นับเป็นความต่อเนื่องทางนวัตกรรมที่น่าตื่นเต้น เช่น ระบบการบันทึกข้อมูลแบบเป็นสากล (universal journal) ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถลดการเชื่อมโยงระหว่างฝ่ายบัญชีและการเงิน กับฝ่ายคอนโทรลได้ ซึ่งนี่คือสิ่งที่ทำให้เราสนใจเลือกใช้ SAP S/4HANA ตั้งแต่แรก”
ฟังก์ชั่นการใช้งานสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆที่มีเอกลักษณ์และถูกออกแบบสำหรับการประมวลผลในหน่วยความจำโดยเฉพาะ
เอสเอพี คือผู้นำด้านการนำเสนอฟังก์ชั่นการใช้งานสำหรับอุตสาหกรรม เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถบรรลุเป้าหมายด้านธุรกิจของตนได้อย่างสำเร็จ โซลูชั่นใหม่จาก SAP S/4HANA ช่วยให้องค์กรต่างๆสามารถดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับความต้องการด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิตอลได้อย่างดี พร้อมทั้งประสิทธิภาพการทำงานที่เพิ่มมากขึ้น และเซ็ตฟังก์ชั่นการทำงานแบบบูรณาการที่ใช้งานได้ง่ายขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ฟังก์ชั่นเพื่ออุตสาหกรรมรีเทล อย่างการบริหารจัดการสินค้านั้น ได้ถูกออกแบบขึ้นใหม่เพื่อให้เหมาะสมกับธุรกิจรีเทลสมัยใหม่ ซึ่งมอบข้อมูลของธุรกิจรีเทล และลูกค้าต่างๆจากอุตสาหกรรมอื่นๆ ซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้ฟังก์ชั่นการทำงานแบบรีเทล ซึ่งมอบการมองเห็นอย่างสมบูรณ์สู่การตัดสินใจทางธุรกิจแบบรอบด้านอันมีพื้นฐานมาจากการประสานข้อมูลหลักต่างๆเข้าด้วยกัน
ลูกค้าของกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันและแก๊สสามารถใช้ประโยชน์จากฟังก์ชั่น upstream และ downstream อันรวมถึงการบริหารจัดการสินค้าไฮโดรคาร์บอน ซึ่งประสิทธิภาพการทำงานถูกปรับให้สูงขึ้นเพื่อให้เข้ากับการทำงานบนแพลตฟอร์ม SAP HANA® เช่นเดียวกับการวางแผนด้านสินค้าคงเหลือแบบเรียลไทม์ซึ่งถูกปรับแต่งด้วยความสามารถด้านการจำลองสถานการณ์ที่เพิ่มมากขึ้นเพื่อการจัดระบบซัพพลายเชน การมอบข้อมูลเชิงลึก และความยืดหยุ่นในการมอบบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ โซลูชั่นดังกล่าวยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ต่างๆของ SAP S/4HANA Finance ซึ่งบริษัทต่างๆสามารถเปลี่ยนขั้นตอนด้านการเงินของตนเองได้ด้วยการลดความซับซ้อนของลักษณะภูมิทัศน์ในองค์กร พร้อมไปกับการใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมทุกตัวของ SAP S/4HANA Finance ตั้งแต่การเข้าถึงข้อมูลในระดับลึกที่สุด ไปจนถึงการจำลองสถานการณ์บนข้อมูลปัจจุบัน
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ท่านสามารถเยี่ยมชมเว็บไซด์ SAP S/4HANA หรือติดตามความเคลื่อนไหวที่ SAP News Center ติดตามผ่านทวิตเตอร์ได้ที่ @sapnews