RICOH เปิดตัวเครื่องพิมพ์แบบหน้ากว้าง Flatbed ตัวใหม่ ที่ออกแบบมาเพื่อนำคุณสมบัติเฉพาะทั้งความทนทาน และความง่ายในการใช้งานมาสู่ตลาดพิมพ์วัสดุเพื่องานตกแต่ง (Decoration work) ด้วยเครื่องพิมพ์ RICOH Pro T7210 ที่จะทำให้ผู้ใช้สามารถพิมพ์บนวัสดุแบบใหม่ ๆ ที่มีความหนาแตกต่างกันได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแผ่นกระเบื้อง วัสดุรองพื้นโต๊ะ วัสดุปูผนังต่าง ๆ โดยใช้เวลาเร็วกว่า และง่ายกว่าเดิม เพิ่มโอกาสสร้างรายได้มากกว่าเดิม นวัตกรรมใหม่นี้เป็นผลมาจากการศึกษาวิจัยของ RICOH มาอย่างต่อเนื่องในการมุ่งมั่นพัฒนาโซลูชั่นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั่วโลก
“ตลาดงานพิมพ์อุตสาหกรรมได้มีการขยายตัวมากขึ้น พร้อมกับความต้องการการพิมพ์ของลูกค้าอย่างเช่น ปริมาณที่ต้องการน้อยลง ระยะเวลาการพิมพ์และการจัดส่งที่สั้นลง รวมทั้งความต้องการในการออกแบบตามความต้องการของแต่ละบุคคล” กรภัทร วงศ์อนันต์ชัย ผู้จัดการกลุ่มธุรกิจงานพิมพ์เชิงพาณิชย์ของบริษัท ริโก้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว “RICOH Pro T7210 นี้ตอบโจทย์ดังกล่าวทั้งหมดได้อย่างง่ายดายพร้อมประสิทธิภาพสูง จากความพยายามของ RICOH ที่จะใช้ความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีทั้งตัวหมึก และหัวพิมพ์ที่เป็นหัวใจของเทคโนโลยี Inkjet ที่จะคิดค้นและเพิ่มโอกาสสร้างมูลค่าใหม่ๆ ให้แก่ผลิตภัณฑ์และการบริการ”
RICOH ได้นิยามงานพิมพ์เชิงอุตสาหกรรมว่าเป็นการพิมพ์แบบหน้ากว้าง (Wide Format) ซึ่งงานที่พิมพ์ออกมาจะถูกนำไปใช้เป็นส่วนสำคัญของการผลิตสินค้าต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งทอ เสื้อผ้า วัสดุโลหะต่าง ๆ เครื่องพิมพ์ที่มีความยืดหยุ่นในเรื่องของขนาดงานพิมพ์จึงถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ให้บริการด้านการพิมพ์ที่ต้องการผลักดันให้งานพิมพ์เข้ามามีส่วนสำคัญในกระบวนการผลิตสินค้าเหล่านี้ ซึ่ง RICOH Pro T7210 สามารถรองรับวัสุดที่นำมาพิมพ์ได้หนาถึง 4.3 นิ้ว และพื้นที่พิมพ์กว้างถึง 6.9 x 10.5 ฟุต ด้วยพื้นที่พิมพ์ที่กว้างนี้ทำให้ผู้ใช้สามารถพิมพ์งานบนแผ่นกว้างมาตรฐานขนาด 4 x 8 ฟุต หรือขนาดแผ่นงานที่แตกต่างกัน เช่น สามารถพิมพ์บอร์ดขนาด 3 x 6 ฟุต จำนวน 3 แผ่นในเวลาเดียวกันได้ คุณสมบัติต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้ผู้ใช้สามารถพิมพ์งานบนวัสดุที่ก่อนหน้านี้ อาจถูกมองว่ามีขนาดใหญ่เกินไปที่จะพิมพ์บนพื้นผิวโดยตรงได้ ทำให้ประหยัดทั้งเวลา แรงงาน และทรัพยากร
RICOH Pro T7210 มีจุดเด่นที่ความทนทานและการใช้งานที่ง่าย สามารถช่วยยกระดับศักยภาพของผู้ให้บริการงานพิมพ์ได้เป็นอย่างมาก ด้วยความเร็วในการพิมพ์ที่ 50 ตารางเมตรต่อชั่วโมง หรือ 538.2 ตารางฟุตต่อชั่วโมงสำหรับโหมดงานพิมพ์มาตรฐาน นอกจากนี้ยังมีตัว Media Gap Adjustment Sensor ที่ทำหน้าที่ตรวจวัดความหนาของวัสดุพิมพ์และปรับระยะหัวพิมพ์อย่างอัตโนมัติ เทคโนโลยีนี้ทำให้สามารถสับเปลี่ยนวัสดุที่มีความหนาต่างกันได้อย่างง่ายดาย รวมถึงงานพิมพ์ที่ออกมาก็มีความแม่นยำและมีเสถียรภาพสูง แม้จะพิมพ์เป็นครั้งแรกก็ตาม ในขณะที่เทคโนโลยีหมึกยูวี (UV Ink) แบบความหนืดสูง และหัวฉีดแบบ Piezo electric ซึ่งเป็นเอกสิทธ์เฉพาะของ RICOH ทำให้งานพิมพ์ออกมาโดดเด่นและมีเอกลักษณ์ นอกจากนี้ อายุการใช้งานของหัวพิมพ์ก็ยาวนานขึ้น และง่ายต่อการดูแลรักษาด้วยระบบ One–Touch Maintenance ที่ช่วยให้การบำรุงรักษาเครื่องและหัวพิมพ์ ทำได้ด้วยเพียงแค่การกดปุ่มเพียงแค่ปุ่มเดียว
นอกจากนี้ Ricoh Pro T7210 ยังมาพร้อมด้วยระบบการจัดการทรัพยากรแบบอัจฉริยะ และอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย ทำให้สามารถผลิตงานจำนวนน้อย หรืองานที่ทำเพียงแค่ชิ้นเดียว (on demand) ในราคาที่ไม่แพงเป็นจริงได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่มากขึ้นกับผู้ลงทุนในกลุ่มตลาดที่ผลิตสินค้าตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของตลาดธุรกิจตกแต่งภายใน ซึ่งให้ความสำคัญกับ “เอกลักษณ์” อันถือเป็นหัวใจของชิ้นงาน
RICOH เปิดตัวเครื่องพิมพ์ RICOH Pro C7200x / C7210x รองรับการเติบโตทางธุรกิจ
เปิดโลกงานพิมพ์กับความคิดสร้างสรรค์ที่หลากหลาย
เปิดรับโอกาสการเติบโตทางธุรกิจ และความคุ้มค่าในการลงทุนมากกว่าเดิม ด้วยเครื่องพิมพ์สีดิจิตอลแบบป้อนแผ่น (Sheet Fed) จาก RICOH ในซีรี่ส์ Pro C7200 ใหม่ล่าสุด
RICOH เปิดตัวเครื่องพิมพ์สีดิจิตอลแบบป้อนแผ่นซีรีส์ใหม่ล่าสุด RICOH Pro C7200x / C7210xต่อยอดจากรุ่นปัจจุบัน โดยเครื่อง RICOH Pro C7200x / C7210x เป็นเครื่องพิมพ์แบบ 5 สี หรือ 5ป้อมพิมพ์ ที่ถูกออกแบบและพัฒนาเพื่องานด้านกราฟฟิคอาร์ตโดยเฉพาะ เหมาะสำหรับธุรกิจงานพิมพ์แบบมืออาชีพที่ต้องพิมพ์งานจำนวนมาก ในขณะที่ RICOH ยังคงมีเครื่องพิมพ์แบบ 4 สีปกติในรุ่น Pro C7200 เพื่อการใช้งานในสำนักงาน องค์กร ธุรกิจที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายด้านงานพิมพ์ด้วยระบบงานพิมพ์แบบมืออาชีพ
เครื่องพิมพ์ RICOH ซีรีส์ใหม่นี้ ได้เพิ่มความเสถียรของสีจากคุณสมบัติการสอบเทียบอัตโนมัติด้วยระบบ inline เซ็นเซอร์ และสะดวกยิ่งขึ้นด้วยฟังก์ชั่นปรับแต่งค่าความแม่นยำในการพิมพ์แบบอัตโนมัติในตัวเครื่องพิมพ์ นอกจาก CMYK ซึ่งเป็น 4 สีหลัก แล้ว RICOH Pro C7200x / C7210x
ยังช่วยเพิ่มมูลค่าแก่งานพิมพ์ด้วยหมึกสีที่ 5 (Fifth Station) ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกใช้หมึกสีที่ 5 นี้เพิ่มเติม ได้แก่ สีขาว สีเคลียร์ สีชมพูสะท้อนแสง สีเหลืองสะท้อนแสง เพื่อเพิ่มความตื่นตาตื่นใจแก่งานพิมพ์ที่เน้นสีสดใส สร้างความแปลกใหม่ให้งานพิมพ์ และสีแดงล่องหน (Invisible ink) สำหรับงานที่ต้องการความปลอดภัยในระดับเบื้องต้น ด้วยการพิมพ์เพียงครั้งเดียว (Single Pass Printing)
นอกจากนี้ RICOH Pro C7200x / C7210x ยังมีความเร็วในการพิมพ์ที่เพิ่มขึ้นด้วย โดยสามารถพิมพ์ได้ถึง 85–95 หน้าต่อนาทีตามลำดับ รองรับความยาวของงานพิมพ์ 2 ด้านแบบอัตโนมัติได้ถึง 700 มม. หรือแบบด้านเดียวได้ถึง 1,260 มม. ให้คุณภาพของภาพพิมพ์ที่โดดเด่นถึง 2,400 x 4,800 dpi รองรับวัสดุที่นำมาพิมพ์ได้หลากหลายประเภทที่ความหนาสูงสุด 360 แกรม อีกทั้งยังมีกระบวนการผลิตงานพิมพ์อย่างต่อเนื่องด้วยอุปกรณ์ต่อพ่วง (Finishing) ที่หลากหลาย
ไม่ว่าจะเป็นระบบเข้าเล่มแบบ GBC eWire Binder, BDT Banner Sheet LCT หรือตัวจัดเรียงกระดาษที่ปรับความยาวได้จาก Plockmatic และสะดวกสบายมากขึ้นพร้อมเพิ่มศักยภาพในการปฎิบัติงานด้วยหน้าจอควบคุมขนาด 17 นิ้วแบบใหม่ เครื่องพิมพ์รุ่นใหม่นี้รองรับ Digital Front End (DFE) เพื่อควบคุมคุณภาพการพิมพ์หลายแบบ ตั้งแต่ Fiery ของ EFI, GWNX ไปจนถึง TotalFlow Print Server R62A จาก RICOH ซึ่งเป็น DFE ประสิทธิภาพสูงที่สามารถทำงานร่วมกับโซลูชั่นงานพิมพ์หลากหลายประเภท
“RICOH Pro C7200x / C7210x นี้มาพร้อมกับความสามารถอันโดดเด่นครบครัน” กรภัทร วงศ์อนันชัย ผู้จัดการกลุ่มธุรกิจงานพิมพ์เชิงพาณิชย์ บริษัท ริโก้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว “ระบบเครื่องพิมพ์ของ RICOH สามารถตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายและซับซ้อนในตลาดมากขึ้นในทุกวันนี้ ทั้งจำนวนพิมพ์ที่หลากหลายและการคืนทุนที่รวดเร็ว รวมถึงการยกระดับคุณภาพงานพิมพ์ ประสิทธิภาพและศักยภาพของเครื่องพิมพ์ที่สูงขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่างานพิมพ์ที่ออกมาจากเครื่องพิมพ์ดิจิตอลของ RICOH จะตรงตามความต้องการและสามารถสะกดสายตาของผู้คนได้ และเรายังเชื่อมั่นว่าธุรกิจงานพิมพ์ที่ลงทุนกับความสามารถอันเหนือชั้นของเครื่องพิมพ์ของ RICOH ย่อมได้รับการยอมรับจากลูกค้าในวงกว้าง”