สำหรับคนที่กำลังมองหาชุดโปรแกรมรักษาความปลอดภัยที่ใช้งานง่าย มีประสิทธิภาพสูง และการป้องกันที่ครบทุกด้าน ลองพิจารณา Bitdefender Total Security 2012 เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคอมพิวเตอร์ของคุณ
ชุดโปรแกรม Antivirus ประจำปี 2012 จาก Bitdefender นั้นจะมีให้เลือกใช้งาน 3 รุ่น ได้แก่ Bitdefender Antivirus Plus 2012, Bitdefender Internet Security 2012 และ Bitdefender Total Security 2012 ซึ่งเป็นตัวที่มีฟีเจอร์เยอะที่สุดและได้นำมารีวิวการใช้งานในครั้งนี้
โปรโมชั่นพิเศษ!! สมัครสมาชิก PCToday 1 ปี รับฟรี Bitdefender Total Security 2012 มูลค่า 2,240 บาท
Bitdefender 2012 ได้รับรางวัล Best Security Product ประจำปี 2011 จาก AV-TEST ซึ่งผลการทดสอบนั้นมีคะแนนสูงสุดในหลายๆด้าน นอกจากนี้ยังได้รางวัลการันตีคุณภาพจากอีกหลายสถาบัน ผู้อ่านสามารถเปรียบเทียบคุณสมบัติของแต่ละรุ่นได้จากตารางด้านล่างนี้
Features | Antivirus Plus | Internet Security | Total Security |
Antivirus & Antispyware | / | / | / |
Vulnerability Scanner | / | / | / |
Antispam |
– |
/ | / |
Two-way Firewall | – | / | / |
Parental Control | – | / | / |
Social Network Protection | / | / | / |
Search Advisor | / | / | / |
Personal Data Filter | / | / | / |
Antiphishing | / | / | / |
File Shredder | – | – | / |
File Encryption | – | – | / |
Scan Dispatcher | / | / | / |
Tune-up | – | – | / |
Online Backup & File Synchronization | – | – | / |
ฟีเจอร์ที่เด่นๆ ก็จะมี Auto Pilot ซึ่งจะช่วยวิเคราะห์และตัดสินใจแทนผู้ใช้งานโดยอัตโนมัติ เมื่อโปรแกรมตรวจพบสิ่งผิดปกติหรือมีทางเลือกเกี่ยวกับความปลอดภัยก็จะไม่มีหน้าต่างหรือป็อปอัพเด้งเตือนขึ้นมาให้รำคาญเหมือนบางโปรแกรม
นอกจากนี้ก็ยังมีความสามารถในการกำจัดไวรัส สปายแวร์ และสแปม การกรองมัลแวร์ที่แฝงมากับลิงค์บน Social Network การป้องกันข้อมูลส่วนตัวรั่วไหล ฟังก์ชัน Parental Control และ Tune Up เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่อง บริการ SafeBox ที่คอยแบ็กอัพข้อมูลของผู้ใช้ เป็นต้น
Bitdefender 2012 สามารถใช้งานกับระบบปฏิบัติการ Windows XP Service Pack 3 (32-bit), Windows Vista (SP3) และ Windows 7 (SP1) โดยแนะนำให้ใช้กับซีพียู Intel Core Duo หรือเทียบเท่า หน่วยความจำแรม 1 GB สำหรับ XP และ 1.5 GB สำหรับ Vista และ Windows 7 ด้านซอฟต์แวร์ในเครื่องต้องติดตั้ง .Net framework 3 ขึ้นไป
หลังจากใส่แผ่นซีดีโปรแกรมติดตั้งจะเริ่มทำงานให้ผู้ใช้ลงทะเบียน พร้อมตรวจสอบว่าคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นมีการติดตั้งโปรแกรมแอนตี้ไวรัสอยู่หรือไม่ หากพบจะแจ้งให้ทำการ Uninstall โปรแกรมเดิมออกก่อนจึงจะสามารถติดตั้งได้ รวมถึงการตรวจสอบคุณสมบัติของเครื่องว่าสามารถใช้งาน Bitdefender 2012 ได้หรือไม่ จากนั้นผู้ใช้จะต้องกรอกหมายเลข License Key โดยสามารถเลือกติดตั้งจากไฟล์ในแผ่นซีดี หรือดาวน์โหลดตัวติดตั้งเวอร์ชันล่าสุดผ่านอินเทอร์เน็ตซึ่งจะใช้เวลานานกว่า
ในระหว่างติดตั้งโปรแกรมจะทำการสแกนเครื่องพร้อมแสดงผลว่ามีไวรัสใดๆหรือไม่ เมื่อติดตั้งเสร็จจะพบไอคอนของโปรแกรมรันอยู่บนทาสก์บาร์ ซึ่งเมื่อเปิดขึ้นมาโปรแกรมจะให้เลือกชนิดของเครือข่ายว่าเป็น Trusted หรือ Public (ถ้าเชื่อมต่ออยู่) โดยผู้ใช้สามารถเลือกอัพเดตฐานข้อมูลของโปรแกรมได้ทันที จากนั้นจะมีข้อความเตือนให้รีบูตเครื่อง
จากนั้นผู้ใช้ต้องเข้าไป Activate บัญชีตามอีเมล์ที่ได้ลงทะเบียนไว้ขณะติดตั้ง ซึ่งจะได้รับรหัสผ่านสำหรับใช้งาน My Bitdefender ที่ https://my.bitdefender.com/ มาพร้อมกันและสามารถเปลี่ยนรหัสผ่านได้ทันที ซึ่งบัญชีผู้ใช้งานนี้มีความจำเป็นในการใช้หลายคุณสมบัติของ Bitdefender 2012 อย่างเช่น Online Parental Control, Facebook / Twitter Protection, Online backup รวมถึงการให้ความช่วยเหลือจากทีมผู้ผลิตโปรแกรม
ส่วนต่างๆ บนเว็บไซต์ My Bitdefender
- Products สำหรับการตรวจสอบ License ที่ใช้งานอยู่ว่ายังใช้งานได้อีกกี่วัน การขอรับโค้ดสำหรับติดตั้งแบบออฟไลน์ หรือคำเชิญเข้าร่วมทดสอบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ
- Services เป็นการดูรายละเอียดและตั้งค่าฟีเจอร์ต่างๆ ได้แบบออนไลน์ ดังนี้
- Parental Control สำหรับให้คุณพ่อคุณแม่ ดูรายละเอียดกิจกรรมการใช้งานของลูกๆ ว่าใช้คอมพิวเตอร์ทำอะไรบ้าง ซึ่งจะต้องเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ผ่านทางหน้าโปรแกรมก่อน
- Anti-Theft ดูข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ได้ติดตั้ง Bitdefender Mobile Security เพื่อใช้ในการติดตามโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตที่หายไปว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน รวมถึงการล็อกและลบข้อมูลในเครื่องทิ้ง
- Facebook Protection ป้องกันอันตรายจากไวรัสและสแปมที่มาจากเครือข่ายเฟซบุ๊คอย่างการโพสต์ลิงค์หรือการใช้งานผ่านแอพพลิเคชันต่างๆ บนนั้น
- Twitter Protection เป็นการป้องกันในลักษณะเช่นเดียวกับเฟซบุ๊ค
- Safebox บริการแบ็กอัพข้อมูลจากเครื่องของเรา ซึ่งจะถูกเก็บไว้บนเซิร์ฟเวอร์และเข้าถึงได้จากทุกที่ จึงไม่ต้องกังวลว่าเครื่องจะเสีย ไฟล์จะหายอีกต่อไป
- Customer Care รวบรวมเนื้อหาและคำถามที่พบได้บ่อย การฝ่ายบริการลูกค้าเกี่ยวกับปัญหาการใช้งาน
- Account การจัดการข้อมูลเกี่ยวกับบัญชี รายละเอียดผู้ใช้ รหัสผ่าน เป็นต้น
หน้าจอหลักของโปรแกรม
ทางด้านบนของหน้าจอหลักจะแสดงสถานะของโปรแกรมว่ามีข้อผิดพลาดใดๆ หรือไม่ หากเป็นปกติก็จะเป็นสีเขียวและมีข้อความว่า There are no issues to fix แต่ถ้ามีสิ่งผิดปกติก็จะเปลี่ยนเป็นสีส้มหรือสีแดง พร้อมกับมีข้อความเตือน เช่น There are Critical issues to fix โดยผู้ใช้สามารถคลิกที่รูปเครื่องมือ เพื่อทำการแก้ไขในแต่ละส่วนที่มีปัญหาได้
ถัดมาจะเป็นส่วนของ Events เป็นการแจ้งคำเตือนและเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั้งหมด Settings จะเป็นส่วนของการตั้งค่าของโปรแกรมทั้งหมด และ Auto Pilot คือการเปิดให้โปรแกรมจัดการความปลอดภัยอย่างเหมาะสมให้เอง โดยเราไม่ต้องเลือกอะไรอีก (ถ้าคุณเข้าไปเปลี่ยนค่าต่างๆ ในโปรแกรม ฟังก์ชัน Auto Pilot จะถูกยกเลิกโดยอัตโนมัติ)
ด้านล่างจะเป็นฟังก์ชันการทำงานหลักๆ ทั้งหมด โดยค่าเริ่มต้นจะแสดงเพียง 4 ตัว ได้แก่ Antivirus, Firewall, Antispam และ Update โดยผู้ใช้สามารถคลิกที่ปุ่มลูกศรเพื่อเลือกดูและตั้งค่าการทำงานในส่วนอื่น หรือสามารถลากไอคอนสลับตำแหน่งตามความเหมาะสมก็ได้
General Setting
เมื่อคลิกที่ Settings จะเป็นส่วนของการตั้งค่าทั่วไป สามารถตั้งรหัสผ่านของโปรแกรมเพื่อไม่ให้ผู้ใช้อื่นเปลี่ยนแปลงการตั้งค่า การตั้ง Proxy ที่ใช้งาน การเปิดใช้งาน Game mode ที่โปรแกรมจะทำงานน้อยลงเฉพาะที่จำเป็นเพื่อไม่ให้กินทรัพยากรของเครื่อง เหมาะกับงานที่ต้องใช้เครื่องหนักๆ เช่น เล่นเกมส์ ตัดต่อกราฟฟิก (สามารถเปิด Game Mode แบบ Manual ได้ โดยคลิกขวาที่ไอคอนโปรแกรมบนทาสก์บาร์) รวมถึง Laptop Mode ที่จะช่วยประหยัดแบตเตอรี่ซึ่งสามารถเลือกให้เปิดใช้อัตโนมัติเมื่อคุณไม่ได้เสียบปลั๊กไฟอยู่
Antivirus
สามารถคลิกที่ Scan Now เพื่อค้นหาไวรัสและสปายแวร์ที่ฝังตัวอยู่ในเครื่อง โดยจะมีตัวเลือกดังนี้
- Quick Scan ค้นหาไวรัสจากโพรเซสที่กำลังรันอยู่ ซึ่งใช้เวลาสั้นๆ ประมาณ 1-2 นาทีเท่านั้น
- Full system scan ค้นหาไวรัสจากไฟล์และโปรแกรมทั้งเครื่อง
- Custom scan ค้นหาไวรัสเฉพาะในโฟลเดอร์ที่กำหนดเอง
- Vulnerability scan ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการอัพเดตวินโดวส์และโปรแกรมต่างๆ ที่จำเป็น พร้อมกับระบุรายละเอียดว่าสามารถอัพเดตได้อย่างไร
- Rescue mode รีบูตเครื่องเพื่อเข้าสู่โหมดเฉพาะ เพื่อทำการกำจัดไวรัสที่ไม่สามารถลบได้ผ่านขั้นตอนปกติบนวินโดวส์
หากสแกนแล้วพบไวรัส ก็จะขึ้นข้อความแจ้งให้จัดการตามที่เราพอใจว่าจะลบทิ้งหรือเปล่า หรือจะเลือกให้โปรแกรมจัดการให้ทั้งหมดก็ได้ โดยในส่วนของการตั้งค่าแอนตี้ไวรัสสามารถเลือกดังนี้
- Shield เป็นการตั้งว่าจะให้สแกนไฟล์ อีเมล์ การท่องเว็บ ฯลฯ ผู้ใช้สามารถเลือกใช้ค่าเริ่มต้นหรือกำหนดเองได้แบบละเอียด รวมถึงระดับการแจ้งเตือนเมื่อตรวจพบไวรัส โดยปกติโปรแกรมจะลบไฟล์ไวรัสให้เองยกเว้นกรณีที่ไม่แน่ใจว่าเป็น False Positive หรือเปล่าก็จะมีการถามเราก่อน
- Vulnerability เป็นการเลือกสแกนอัตโนมัติ ว่าเครื่องจำเป็นต้องมีการอัพเดต OS หรือโปรแกรมใดบ้าง
- Exclusions สามารถเลือกยกเว้น ไฟล์ โฟลเดอร์ หรือ extension ของไฟล์ที่ไม่ได้เป็นไวรัส รวมถึงโพรเซสที่รันอยู่ และการตั้งสแกนอุปกรณ์ต่อพ่วงแบบอัตโนมัติ เช่น เมื่อเสียบแฟลชไดรฟ์ก็จะมีการสแกนไวรัสให้ในทันที
- Quarantine ไฟล์ที่สงสัยว่าเป็นไวรัสก็จะถูกโปรแกรมย้ายมากักไว้ในบริเวณนี้ ผู้ใช้สามารถเลือกลบทิ้งอย่างถาวร หรือนำกลับคืนที่เดิมหากพบว่าไม่ใช่ไวรัสก็ได้
Firewall
ผู้ใช้สามารถคลิก Network Details เพื่อดูสถิติของข้อมูลที่รับ-ส่งจากเครื่องคอมพิวเตอร์ผ่านไฟล์วอลล์
ในส่วนของ Settings สามารถเลือกเปิดฟังก์ชัน IDS (Intrusion Detection System) ซึ่งเป็นการบล็อคการเข้าถึงหรือเปลี่ยนแปลงค่าต่างๆ ของระบบ การเปิดใช้ Internet Sharing การป้องกัน Port Scan เป็นต้น
รวมถึงการตั้งกฎให้กับแต่ละโปรแกรมที่ต้องเชื่อมต่อกับเครือข่ายให้สามารถใช้งานได้ โดยมีให้เลือกทั้งแบ่งตามประเภทของทราฟฟิค (General Rules) แบ่งตามชื่อโปรแกรม (Application Rules) และ แบ่งตามไอพีแอดเดรส (Adapter rules) ซึ่งสามารถเพิ่มหรือแก้ไขรายการได้ตลอดเวลา
Anti spam
คลิกที่ Manage เพื่อเพิ่มอีเมล์แอดเดรสของเพื่อน หรือ สั่งบล็อคผู้ที่ส่งสแปมมาได้ และในส่วนของการตั้งค่าสามารถตั้งระดับความเข้มงวดในการคัดกรองจดหมายได้ รวมไปถึงการส่งข้อมูลกลับไปให้ผู้พัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันในครั้งถัดไป
Update
ผู้ใช้สามารถคลิกที่ Update Now เพื่อตรวจสอบและอัพเดตฐานข้อมูลไวรัสในทันที สามารถตั้งค่าการอัพเดตอัตโนมัติ เลือกเซิร์ฟเวอร์ดาวน์ที่ใช้โหลด รวมถึงระบบอัพเดตไฟล์ผ่าน P2P ถ้าอินเทอร์เน็ตช้าหรือไม่ต้องการแชร์ไฟล์ฐานข้อมูลไวรัสให้กับเครื่องอื่นก็สามารถปิดใช้งานในส่วนนี้ได้
Parental Control
ในส่วนของ Manage Accounts จะมีป๊อบอัพให้ผู้ใช้เลือกว่าจะให้โปรแกรมควบคุมการใช้งานของ User ใดบ้าง โดยให้คลิกเป็น On เพื่อเปิดการทำงาน ผู้ใช้งานสามารถเลือกช่วงอายุที่จะให้โปรแกรมควบคุมได้อย่างเหมาะสม ตั้งแต่ 3 ขวบ ไปจนถึง 18+ ซึ่งจะมีค่าเริ่มต้นที่แตกต่างกันออกไป
แต่หากต้องการตั้งค่าแบบละเอียดยิ่งขึ้น สามารถคลิกที่ส่วน Settings เพื่อเพิ่มรายการเว็บไซต์ โปรแกรม คีย์เวิร์ด บัญชี Instant Messenger และกำหนดประเภทข้อมูลที่อนุญาตหรือบล็อกได้ โดยสามารถคลิกเลือกเองว่าจะเปิดหรือปิดการควบคุมในส่วนใดบ้าง
นอกจากนี้ยังสามารถสั่งให้โปรแกรมบันทึกไฟล์ประวัติการใช้อินเทอร์เน็ต (Log) พร้อมส่งอีเมล์แจ้งไปยังผู้ปกครองได้ด้วย
Privacy Control
ในส่วนนี้จะเป็นเรื่องของการป้องกันข้อมูลส่วนตัวที่อยู่ในเครื่อง ในส่วนของการ Encrypt จะมีตัวเลือก Add file to vault ซึ่งเป็นการเข้ารหัสไฟล์เพื่อป้องการการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต และ File Shredder เป็นการล้างไฟล์จากเครื่องชนิดที่ไม่สามารถกู้คืนได้อีกต่อไป เหมาะกับการลบไฟล์ที่มีความสำคัญ
สำหรับ Antiphishing สามารถเลือกเปิด-ปิดฟังก์ชันการป้องกันเว็บฟิชชิ่งทั้งหลาย โดยโปรแกรมจะมีทูลบาร์ปรากฏขึ้นบนบราวเซอร์ต่างๆ ดังรูป หากมีเว็บไซต์อันตรายก็จะแจ้งเตือนในทันที แต่หากไม่ต้องการก็สามารถปิดการทำงานได้เช่นกัน
ในส่วนของ Data Protection เป็นฟีเจอร์ที่จะช่วยป้องกันการดักเอาข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญ เช่น อีเมล์ รหัสผ่าน ที่อยู่ เลขที่บัญชี เลขบัตรเครดิต ฯลฯ ซึ่งโปรแกรมจะมีการตรวจสอบข้อมูลที่ส่งเข้าออกผ่านทางอีเมล์ เว็บไซต์ และโปรแกรมสนทนาอยู่ตลอดเวลาว่าไม่มีข้อมูลเหล่านี้ถูกส่งไปด้วย โดยผู้ใช้จะต้องเปิดการทำงาน พร้อมกับเพิ่มรายละเอียดข้อมูลต่างๆ เข้าไปด้วยตัวเอง โดยคลิกที่ Add rule
SafeBox
ในส่วนนี้เป็นบริการแบ็กอัพข้อมูล ซึ่งจะมีเฉพาะ Bitdefender Total Security เท่านั้น โดยผู้ใช้งานสามารถคลิกที่ Enable SafeBox เพื่อเปิดการทำงานในครั้งแรก และจะต้องล็อกอินผู้ใช้ My Bitdefender ด้วย หลังจากโปรแกรมตั้งค่าเสร็จแล้วจะปรากฏชอร์ตคัตของ SafeBox Folder ขึ้นบนเดสก์ท็อป โดยจะมีการซิงโครไนซ์ข้อมูลระหว่างโฟลเดอร์ที่กำหนดกับทางเซิร์ฟเวอร์ของผู้ผลิตโปรแกรมโดยอัตโนมัติ ผู้ใช้สามารถเพิ่มโฟลเดอร์ที่ต้องการเอง รวมถึงการสั่งกู้คืนไฟล์ที่เราเผลอลบไปจากโฟลเดอร์ SafeBox ได้ในส่วนของการตั้งค่า
Tune-Up
เป็นเครื่องมือสำหรับใช้ปรับแต่งการทำงานของคอมพิวเตอร์ ให้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากขึ้น ประกอบไปด้วย
- Pc clean-up สั่งให้ค้นหาและลบไฟล์ขยะ ไฟล์ชั่วคราวต่างๆ ที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว รวมถึงคุกกี้ที่เก็บอยู่ในเครื่อง
- Disk defragmenter สามารถสั่งจัดเรียงข้อมูลในฮาร์ดดิสก์ให้เป็นระเบียบเพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการเข้าถึงไฟล์ต่างๆ
- Duplicate finder สั่งให้ค้นหาไฟล์ที่ซ้ำซ้อนหรือมีเนื้อหาเหมือนกัน โดยผู้ใช้สามารถลบทิ้งเพื่อเพิ่มพื้นที่ว่างบนฮาร์ดดิสก์
- Registry cleaner สั่งให้ค้นหาและลบค่ารีจิสทรีที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว โดยโปรแกรมจะแจ้งระดับความสำคัญของค่ารีจิสทรี สามารถเลือกลบทั้งหมดหรือบางส่วนก็ได้
- Registry Recovery ตัวเลือกสำหรับสั่งกู้คืนรีจิสทรี ถ้าลบทิ้งแล้วเครื่องมีปัญหา
Network Map
เป็นตัวเลือกสำหรับจัดการพีซีในเครือข่าย ที่ได้ติดตั้งโปรแกรม Bitdefender เอาไว้แล้ว ซึ่งจะทำให้สามารถเข้าถึงการตั้งค่าความปลอดภัยของทุกเครื่องได้จากเครื่องแม่ข่าย โดยเริ่มแรกผู้ใช้จะต้องกด Enable เพื่อตั้งค่า Server Computer ก่อนจึงจะเพิ่มเครื่องอื่นที่เชื่อมต่อเครือข่ายเข้ามาในโปรแกรมเป็นแบบ Regular Computer
จากเครื่องที่เป็น Server คุณจะสามารถกำหนดเครื่องอื่นๆ ให้ทำงานตามที่ตั้งไว้ ซึ่งฟีเจอร์ต่างๆ ก็จะมีเหมือนกับที่ทำบนเครื่องแม่ข่ายเอง โดยผู้ใช้สามารถเลือกรันทีละเครื่องหรือสั่งให้รันพร้อมกันทั้งหมดก็ได้ ทำให้การควบคุมด้านความปลอดภัยของหลายๆเครื่องสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
SafeGo
ฟีเจอร์ในการจัดการเนื้อหาที่เราใช้ผ่านทาง Social network อย่าง Twitter หรือ Facebook ก่อนอื่นคุณจะต้องทำการเปิดใช้งานฟีเจอร์ SafeGo ก่อน ซึ่งจะต้องทำการอนุญาตแอพพลิเคชันของ SafeGo ในบัญชีผู้ใช้งานของคุณ จากนั้นแอพพลิเคชันตัวนี้จะทำการตรวจสอบข้อมูลของเราหรือของเพื่อนที่มีการโพสต์ ว่ามีลิงค์อันตรายหรือมัลแวร์แอบแฝงมาหรือไม่
โดยผู้ใช้สามารถเปิดหน้า Apps บนเฟซบุ๊คก็จะมีการให้ข้อมูลเกี่ยวกับโพสต่างๆ ที่โปรแกรมได้สแกนไว้ หรือเลือกดูข้อมูลจากเว็บไซต์ My Bitdefender ก็ได้
สรุป
จากการทดลองใช้งานพบว่าโปรแกรม Bitdefender Total Security 2012 สามารถป้องกันและตรวจจับมัลแวร์ได้แบบเรียลไทม์ รวมทั้งค้นหามัลแวร์ที่ฝังตัวอยู่ในเครื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ฟีเจอร์อื่นที่มีมาให้ก็ล้วนเป็นประโยชน์กับผู้ใช้ในการป้องกันอันตรายในด้านต่างๆ ที่เด่นที่สุดคงเป็น Auto-Pilot ที่จะไม่ถามอะไรหรือแจ้งเตือนกับคุณเลยแม้ว่าโปรแกรมจะจัดการอะไรหลายต่อหลายอย่างไปแล้ว ซึ่งนับว่าเป็นข้อดีที่แม้ผู้ใช้มือใหม่ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะตอบยังไง ติดตั้งแล้วสบายใจไม่ต้องหาโปรแกรมอื่นมาใช้งานเสริมอีก
รวมถึงการตรวจเช็คอันตรายจาก Social Network การควบคุมการใช้งานของเด็กๆ และการแบ็คอัพข้อมูล รวมถึงหน้าตาโปรแกรมก็ใช้งายง่าย ส่วนต่างๆ แยกเป็นไอค่อนอย่างชัดเจน และสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการตั้งค่าก็ทำได้ละเอียด แต่เนื่องด้วยโปรแกรมมีฟีเจอร์ที่มากมาย ถ้าใครใช้งานเครื่องที่มีสเป็คต่ำหรืออินเทอร์เน็ตช้าหน่อยก็อาจจะทำให้รู้สึกได้ว่าคอมพิวเตอร์ทำงานช้าลงไปด้วย แต่สำหรับเครื่องรุ่นใหม่ๆ นั้นสามารถเปิดใช้งานได้ทุกฟีเจอร์โดยไม่มีปัญหาครับ
[…] CREDIT http://www.pctodaythailand.com/review-bitdefender-total-security-2012/ Share this:TwitterFacebookLike this:LikeBe the first to like this. […]
ช่วย review Bitdefender Total Security 2013 ด้วยนะครับ.
ขอบคุณครับสำหรับข้อมูลครับผม
[…] http://www.pctodaythailand.com/review-bitdefender-total-security-2012/ […]
ok