โดย Khonit ([email protected])
คุณมั่นใจหรือไม่ว่าโปรแกรมป้องกันไวรัส และสปายแวร์ เพียงโปรแกรมเดียวจะสามารถป้องกันภัยร้ายต่างๆ ที่พร้อมคุกคามพีซีของคุณ ไม่ว่าจะเป็นแฮกเกอร์ และโปรแกรมที่คอยมุ่งร้าย แบบว่าเห็นคนอื่นได้ดีไม่ได้ ต้องคอยสร้างความแตกแยกหรืออุปสรรค์ให้เกิดขึ้นทุกที ถ้าเป็นแบบนี้ต้องมีตัวช่วย…ตัวช่วยที่ว่าเขาเรียกว่า Firewall นั่นไง
ไฟร์วอลล์ (Firewall) หรือหากแปลแบบตรงตัวเขาเรียกว่า กำแพงไฟ ซึ่งมันไม่ใช่โปรแกรมป้องกันไวรัส สปายแวร์ แต่มันเป็นตัวกรองหรือตรวจจับแพ็คเกจข้อมูลที่ผ่านเข้ามายังเครื่องพีซีของคุณว่ามีสิ่งแปลกปลอมแอบซ่อนตัวมาพร้อมกับแพ็คเกจนี้หรือไม่ ถ้ามีคงได้เห็นดีกัน ตัวอย่างเช่น ไวรัส สปายแวร์ มัลแวร์ คีย์ล็อกเกอร์ และโปรแกรมมุ่งร้าย เป็นต้น ที่มีต้นกำเนิดจากบรรดาพวกแฮกเกอร์ ที่ชอบแฮกระบบเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลที่เป็นความลับ อย่างไรก็ตามถ้าเปรียบเทียบไฟล์วอลล์ก็คงเหมือนกับเครื่องกรองน้ำที่จะค่อยกรองสิ่งสกปรกหรือสิ่งปฏิกรณ์ เพื่อให้น้ำที่ผ่านจากเครื่องกรองน้ำเป็นน้ำสะอาดไม่มีสิ่งแปลกปลอมเจือบ่น โดยสามารถนำน้ำไปอุปโภคและบริโภคได้ตามความต้องการ เพราะฉะนั้นถ้าพีซีมีความจำเป็นต้องเชื่อมต่อเข้ากับระบบอินเตอร์เน็ตหรือเครือข่ายภายนอก แน่นอนว่าในโลกอินเทอร์เน็ตย่อมมีภัยคุกคามในรูปแบบต่างๆ และเป็นสิ่งที่อันตรายต่อพีซีของคุณอยู่ทุกก้าวย่าง ซึ่งเมื่อใดก็ตามที่พีซีอ่อนแอด้านความปลอดภัย ภัยคุกคามในรูปแบบต่างๆก็จะเล่นงานพีซีนั้นทันที ดังนั้นไฟร์วอลล์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรมีไว้บนพีซี แม้ว่าในตัววินโดวส์จะมีไฟร์วอลล์ใช้งานอยู่แล้วก็ตาม แต่มันก็ไม่มีความยืดหยุ่นมากนัก และยังสามารถปิดการทำงานไฟร์วอลล์ได้โดยง่าย เมื่อเปรียบเทียบโปรแกรมหรือเครื่องมือด้านนี้โดยเฉพาะ ดังนั้นโปรแกรม Online Armor Free น่าจะเป็นไฟร์วอลล์ที่สามารถทดแทนการทำงานไฟร์วอลล์ของวินโดวส์ได้เป็นอย่างดี หรือหากจะใช้งานไฟร์วอลล์ที่มาพร้อมกับวินโดวส์ร่วมกับไฟร์วอลล์นี้ก็ได้เช่นกัน และโปรแกรมนี้ยังออปชั่นป้องกันไวรัส สปายแวร์ และมัลแวร์ ให้กับพีซีได้อีกด้วย ถ้าอยากได้ดาว์นโหลดได้ที่เว็บไซต์ https://www.online-armor.com/downloads.php พร้อมทั้งสนับสนุนการใช้งานบน Windows XP SP3 (32bit), Vista SP2 (32bit) and 7 (32bit & 64bit) ครับ
สร้างกำแพงไฟ….ให้กับวินโดวส์
หากพูดถึงไฟร์วอลล์บนวินโดวส์แล้ว ในตัววินโดวส์ก็มีไฟร์วอลล์ให้คุณได้ใช้งานเช่นกัน แต่ไฟล์วอลล์บนตัววินโดวส์เอ็กซ์พีการใช้งานดูแล้วไม่ซับซ้อนไม่เหมือนการใช้งานบนวินโดวส์เซเวน ซึ่งมันจะมีรายละเอียดมากยิ่งขึ้น สามารถกำหนดรายละเอียดของไฟร์วอลล์ให้ทำหน้าที่กรองหรือตรวจจับแพ็คเกจแปลกปลอมและโปรแกรมที่มีวัตถุประสงค์มุ่งร้ายทั้งผั่งภายใน (Inbound) และภายนอก (Outbound) โดยคุณสามารถกำหนดกฏ (Rule) หรือข้อปฏิบัติให้กับไฟร์วอลล์ เพื่อกำหนดให้ใครก็ตามที่ต้องการติดต่อกับพีซีเครื่องนี้จำเป็นต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฏที่ตั้งขึ้นมา ถ้าทำตามก็ได้เข้า แต่ถ้าไม่ทำตามก็ให้หนี้ไปไกลๆ ก็เท่านั้น ไม่เช่นนั้นแล้วมันก็จะโดนกักขัง หน่วงเหนี่ยว จองจำ เป็นบุคคลต้องห้าม และถูกหมายหัวจากทางการ เข้านอกออกในไม่ใช่เรื่องง่าย นอกเสียจากแอบเจาะกำแพงไฟร์วอลล์เข้ามานั่นเอง แต่คงไม่ใช่เรื่องง่ายหากคุณกำหนดรายละเอียดต่างๆของไฟร์วอลล์ไว้อย่างแน่นหนา สำหรับขั้นตอนการเปิดไฟร์วอลล์บนวินโดวส์ ก็จะมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1. สำหรับวินโดวส์เอ็กซ์พี โดยปกติแล้วในขั้นตอนติดตั้งวินโดวส์ ระบบจะให้คุณเปิดไฟร์วอลล์ใช้งานโดยอัตโนมัติ แต่เมื่อไรก็ตามคุณกับเลือกปิดไฟร์วอลล์ไว้ อย่างไรก็ตามคุณสามารถเปิดใช้งานไฟร์วอลล์ได้ง่ายๆ ให้คุณเปิด Control Panel ขึ้นมา จากนั้นดับเบิ้ลคลิก Windows Firewall ดังรูปที่ 1
รูปที่ 1 แสดงขั้นตอนการเปิดใช้งาน Windows Firewall ใน Control Panel
2. เมื่อปรากฏหน้าต่าง Windows Firewall ให้คลิกแท็บ General และเลือกหัวข้อหรือออปชั่น On (recommended) ดังรูปที่ 2
รูปที่ 2 แสดงการเลือกหัวข้อหรือออปชั่น On (recommended) ใน Windows Firewall
หมายเหตุ : ออปขั่น Don’t allow exception เป็นออปชั่นที่ช่วยป้องกันแพ็คเกจและโปรแกรมต่างๆจากภายนอกทั้งหมด โดยไม่สนใจว่าคุณอนุญาตหรือไม่อนุญาต ซึ่งสามารถสังเกตุได้จากแท็บ Exceptions ในส่วนของ Programs and Services หากโปรแกรมและเซอร์วิสใดมีเครื่องหมายถูกด้านหน้า หมายถึง โปรแกรมและเซอร์วิสนั้นถูกอนุญาต ในทางตรงกันข้ามหากโปรแกรมและเซอร์วิสใดไม่มีเครื่องหมายถูกด้านหน้าก็ให้เข้าใจว่า โปรแกรมและเซอร์วิสนั้นไม่ได้ถูกอนุญาต นอกจากนี้การใช้ออปชั่น Don’t allow exception ยังช่วยป้องกันคำสั่ง Ping จากเครื่องพีซีเครื่องอื่นได้ อย่างไรก็ตามการยกเลิกออปชั่นนี้ มันจะส่งผลให้โปรแกรมที่ถูกอนุญาตในส่วนของ Exceptions สามารถใช้งานจากภายนอกได้ นอกเสียจากว่าคุณจะเอาเครื่องหมายถูกออกจากหน้าโปรแกรมและเซอร์วิสนั้น ยกตัวอย่างเช่น ผมต้องการรีโมท (Remote) เครื่องพีซีที่อยู่ในเครือข่ายเดียวกัน โดยใช้โปรแกรม Real VNC เพราะฉะนั้นหากผมต้องการรีโมท (Remote) ไปยังเครื่องนั้นได้โดยผ่าน Windows Firewall ผมจำเป็นต้องเพิ่มโปรแกรมนี้เข้ามาในส่วนของ Exceptions และทำเครื่องหมายถูกหน้าโปรแกรม Real VNC เท่านี้ ผมก็สามารถรีโมทเครื่องนั้นได้แล้ว ดังรูปที่ 3
รูปที่ 3 แสดงรายการโปรแกรมและเซอร์วิสในส่วนของ Exceptions
3. สำหรับวินโดวส์เซเวน ให้เปิด Control Panel ขึ้นมาเช่นกัน จากนั้นดับเบิ้ลคลิกไฟล์ Windows Firewall ก็จะปรากฏหน้าต่าง Help protect your computer with Windows Firewall และคลิกเมนู Turn Windows Firewall on or off ดังรูปที่ 4
รูปที่ 4 แสดงรายการโปรแกรมและเซอร์วิสในส่วนของ Exceptions
4. เมื่อปรากฏหน้าต่าง Customize settings for each type of network ให้เลือก Turn on Window Firewall ในส่วนของ Home or work (Private) Network และ Public Network ตามลำดับ ดังรูปที่ 5
รูปที่ 5 แสดงการเปิดใช้ Windows Firewall บนวินโดวส์เซเวน
หมายเหตุ : ถ้าต้องการปรับแต่งค่าต่างๆของไฟร์วอลล์บนวินโดวส์เซเวนให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ให้คลิกเมนู Advance settings จากนั้นคุณก็จะสามารถปรับแต่งค่าในส่วนต่างๆของไฟร์วอลล์ได้ตามต้องการ
ติดตั้งกำแพงไฟ Online Armor Free
หลังจากรู้วิธีเปิดใช้ไฟร์วอลล์บนวินโดวส์เอ็กซ์พีและเซเวนกันแล้ว ในขั้นตอนนี้ก็ถึงคราวเปิดใช้งานเจ้า Online Armor Free กันบ้าง แต่ต้องติดตั้งโปรแกรมนี้กันก่อน โดยจะมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1. เมื่อดาวโหลดโปรแกรมนี้เสร็จแล้วจะได้ไฟล์ชื่อ OnlineArmorSetup.exe โดยมีขนาดไฟล์ 19 เมกะไบต์ จากนั้นให้ดับเบิ้ลไฟล์นี้เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการติดตั้งโปรแกรม และคลิกปุ่ม Next ดังรูปที่ 1
รูปที่ 1 แสดงหน้าต่างติดตั้งโปรแกรม Online Armor Free
2. ในขั้นตอนนี้ให้คุณเลือกเวอร์ชั่นที่ใช้งาน นั่นก็คือ Online Armor Free แต่ถ้าต้องการใช้งานเวอร์ชั่นอื่นจำเป็นเสียตางค์ค่าลิขสิทธิ์ อย่างไรก็ตามถึงมันจะฟรีแต่ก็มีดีเช่นกัน จากนั้นคลิกปุ่ม Next ดังรูปที่ 2
รูปที่ 2 แสดงการเลือกเวอร์ชั่น Online Armor Free เพื่อใช้งาน
3. เมื่อปรากฏหน้าต่าง License Agreement ให้เลือก I accept the agreement เพื่อยอมรับรายละเอียดเกี่ยวกับลิขสิทธิ์การใช้งานและข้อตกลงอื่นๆของโปรแกรมนี้ จากนั้นคลิกปุ่ม Next ดังรูปที่ 3
รูปที่ 3 แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับลิขสิทธิ์การใช้งานโปรแกรม Online Armor Free
4. กำหนดโฟลเดอร์สำหรับเก็บไฟล์ติดตั้งของโปรแกรม Online Armor Free โดยโฟลเดอร์ดีฟอลท์จะถูกกำหนดไว้ที่ C:Program FilesOnline Armor หรือหากต้องการเปลี่ยนโฟลเดอร์ใหม่ให้คลิกปุ่ม Browse แล้วกำหนดโฟลเดอร์ที่ต้องการ จากนั้นคลิกปุ่ม Next ดังรูปที่ 4
รูปที่ 4 แสดงโฟลเดอร์สำหรับเก็บไฟล์ติดตั้งโปรแกรม Online Armor Free
5. เมื่อกำหนดค่าต่างๆเรียบร้อย โปรแกรม Online Armor Free ก็พร้อมแล้วสำหรับถูกติดตั้ง โดยคลิกปุ่ม Install เพื่อยืนยันการติดตั้ง จากนั้นระบบก็จะแสดงสถานะความคืบหน้าการติดตั้งโปรแกรมให้คุณได้ทราบ ดังรูปที่ 5
รูปที่ 5 แสดงสถานะความคืบหน้าในการติดตั้งโปรแกรม Online Armor Free
6. ในขั้นตอนนี้โปรแกรม Online Armor Free จะเริ่มติดตั้ง และรอจนกว่าโปรแกรมนี้จะถูกติดตั้งเสร็จ โดยแสดงหน้าต่าง Completing the Online Armor Setup Wizard จากนั้นให้คลิกปุ่ม Finish เพื่อสิ้นสุดการติดตั้งโปรแกรม ดังรูปที่ 6
รูปที่ 6 แสดงหน้าต่าง Completing the Online Armor Free เมื่อติดตั้งโปรแกรมเสร็จ
พีซีปลอดภัยหายห่วง…กับไฟร์วอลล์ Online Armor Free
การป้องกันพีซีให้ปลอดภัยจากภัยคุกคามต่างๆให้มากที่สุดนั้น ไม่ใช่มีแค่โปรแกรมป้องกันไวรัส และสปายแวร์เท่านั้น แต่คุณจำเป็นต้องมีไฟร์วอลล์เป็นด่านแรกเพื่อกรองหรือตรวจจับแพ็คเกจแปลกปลอมไม่ให้เข้ามาล่วงลับข้อมูลสำคัญของคุณได้ นอกจากข้อมูลสำคัญสูญหายแล้ว ยังส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมของพีซีด้อยลงด้วย หรือเพื่อให้เข้าใจง่ายๆ เขาเรียกว่า เครื่องช้า อืด เหมือนเต่า ใครเคยโดนมาแล้วคงเข้าใจดี บอกไว้ก่อนเดียวจะหาว่าไม่เตือน ถ้าอย่างนั่นเอาเป็นว่ามีไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม แต่ก่อนใช้งานจำเป็นต้องเชื่อมอินเทอร์เน็ตเพื่อตรวจเช็คลิขสิทธิ์ให้ถูกต้อง หรือที่ใครๆมักเรียกว่า ไลเซ่นส์ (License) โดยขั้นตอนการใช้งานก็จะมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1. เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและเปิดโปรแกรม Online Armor Free โดยดับเบิ้ลคลิกไอคอนบนหน้าเดสท็อป เมื่อโปรแกรมถูกโหลดขึ้นมา ก็จะปรากฏหน้าต่างโปรแกรม Online Armor Free โดยจำเป็นต้องกำหนดค่าต่างๆของโปรแกรมนี้ก่อน ซึ่งมีวิซาร์ดหรือออปชั่นให้เลือก 2 แบบด้วยกัน ได้แก่ Trust everything on this computer และ Step- by-step wizard แต่ในขั้นตอนนี้ให้เลือก Step-by-step wizard จากนั้นคลิกปุ่ม Next ดังรูปที่ 1
รูปที่ 1 แสดงวิซาร์ดหรือออปชั่นการกำหนดค่าต่างๆเพื่อใช้งาน Online Armor Free
หมายเหตุ : Trust everything on this computer หากเลือกวิซาร์ดหรือออปชั่นนี้ คุณต้องมั่นใจว่าไฟล์บนพีซีไม่ได้ติดมัลแวร์ เพราะมันจะบล็อกไฟล์ที่ไม่น่าเชื่อถือทันที โดยไม่สนใจว่าไฟล์นั้นจะเป็นไฟล์ข้อมูลของคุณ ในทางตรงกันข้ามกับ Step-by-step wizard มันจะแจ้งให้คุณทราบทุกครั้งหลังจากสแกนหรือตรวจเช็คไฟล์ทั้งหมดเสร็จ เพื่อให้คุณตัดสินใจบล็อกหรืออนุญาตไฟล์นั้นได้ด้วยตัวของคุณเอง
2. ในขั้นตอนนี้โปรแกรม Online Armor Free จะทำการสแกนหรือตรวจเช็คระบบของคุณ โดยเริ่มตั้งแต่ Product update, Processes, start menu, Autoruns, Components, และ Options จากนั้นรอจนกว่าโปรแกรมจะทำการสแกนหรือตรวจเช็คระบบเสร็จ และคลิกปุ่ม Next ดังรูปที่ 2
รูปที่ 2 แสดงการสแกนหรือตรวจเช็คระบบด้วยโปรแกรม Online Armor Free
3. หลังจากโปรแกรม Online Armor Free สแกนหรือตรวจเช็คระบบเรียบร้อบแล้ว ก็จะแสดงรายละเอียดของไฟล์ที่เชื่อถือได้และไม่น่าเชื่อถือในแต่ละส่วน ตัวอย่างเช่น ในส่วนของ Start menu โดยให้คุณตรวจเช็คไฟล์ที่มีเครื่องหมายคำถามด้านหน้าว่าเป็นไฟล์ที่ต้องการใช้งานอยู่หรือไม่ ซึ่งหากเป็นไฟล์ที่ต้องใช้งาน ให้เลือกไฟล์นั้น จากนั้นคลิกปุ่ม Allow อีกนัยหนึ่งหากเป็นไฟล์ที่ไม่รู้จักให้คลิกปุ่ม Block ได้เลยทันที ดังรูปที่ 3
รูปที่ 3 แสดงไฟล์ที่ถูกสแกนหรือตรวจเช็คคทั้งหมดในส่วนของ Start menu
หมายเหตุ : อย่างไรก็ตามหากคุณไม่ตัดสินอนุญาตหรือบล็อกไฟล์ที่ไม่น่าเชื่อถือ โปรแกรม Online Armor Free ก็จะแจ้งเตือนให้ตัดสินใจอีกครั้งเมื่อเปิดโปรแกรมในเวลาต่อมา สำหรับสถานะไฟล์ที่ถูกอนุญาตหรือบล็อก ไอคอนก็จะเป็นเครื่องหมายถูกสีเขียวและเครื่องกากบาทสีแดงตามลำดับและโปรแกรม Online Armor Free จะรันตัวเองทุกครั้งเมื่อตอนสตาร์ทอัพ
เหมือนอย่างคำโบราณว่าไว้ คิดทำอะไรก็ต้องคิดหลายหัวแบบว่า หลายหัวดีกว่าหัวเดียว ก็เหมือนกับการป้องกันภัยคุกคามต่างๆ โดยเฉพาะแฮกเกอร์และโปรแกรมมุ่งร้ายที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อล่วงลับข้อมูลสำคัญจากพีซีของคุณ เพราะฉะนั้นการเพิ่มแนวป้องกันศตรูไว้อีกชั้นหนึ่ง รับรองว่าบรรดาเหล่าแฮกเกอร์และโปรแกรมมุ่งร้ายที่พยายามบุกรุกเข้ามาคงเหงื่อตกไปหลายหยดและล้มเลิกความตั้งใจไปอย่างแน่นอน “มีไว้ไม่เสียหายครับ” …สาธุ