รีวิวมือถือรับงาน TME 2016 กันหน่อย เผื่อเห็นแล้วอยากได้ จะได้ตรงไปซื้อกันถูก โดยรุ่นที่ได้มาทดสอบรอบนี้เป็น Microsoft Lumia 950 สมาร์ทโฟนWindows 10 ที่จะเป็นเรือธงของไมโครซอฟท์ในปีนี้ โดยจะแบ่งออกเป็น 2 รุ่น Microsoft Lumia 950 และ Microsoft Lumia 950 ต่างกันที่ขนาดหน้าจอและสเปคเล็กน้อย
โดยรุ่นที่นำมารีวิวรอบนี้เป็น Microsoft Lumia 950 ที่มีหน้าจอขนาด 5.2″ ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ตัวล่าสุด ซึ่งมีความสามารถในการทำงานร่วมกับคลาด์เป็น IOT อีกรุ่นหนึ่งที่น่าสนใจ ซึ่งรายละเอียดต่างๆ จะอธิบายในช่วงท้าย ตอนนี้มาดูในส่วนของตัวเครื่องกันก่อน
ตัวเครื่อง Microsoft Lumia 950 ขนาดอยู่ที่ 145 x 73.2 มม. บางแค่ 8.25 มม.หนัก 150 กรัม ขนาดกำลังพอดี ไม่ใหญ่มากกำลังพกพาสะดวกทีเดียว ตัวเครื่องทำจากโพลีคาร์บอเนต สีดำด้านข้อดีคือไม่ค่อเป็นลอย หน้าจอตัวนี้เป็น Quad-HD AMOLED 2560×1440 พิกเซล(564 ppi) ขนาด 5.2″ Gorilla® Glass 3 ด้วย
ปุ่มควบคุมต่างๆ จะอยู่ทางด้านซ้ายเพื่อความสะดวกในการใช้งาน โดยด้านบนสุดจะเป็นปุ่มปรับเสียง ตามด้วยปุ่มเปิดปิดเครื่องตรงกลาง และปุ่มลัดเข้าใช้กล้องถ่ายรูปด้านล่างสุด ซึ่งสะดวกเอามากๆ สามารถเปิดแอปกล้องได้ในแทบจะทันทีเลย
พูดถึงเรื่องของกล้อง รุ่นนี้ก็จัดเต็มาให้ทีเดียว กล้องหลังเป็น PureView ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล ใช้เลนส์ Zeiss มีกันสั่น OIS พร้อมแฟลช LED 3 สี บันทึกวีดิโอ 4K
ตัวอย่างภาพจากกล้องหลัง เข้าใจว่าแอปมีการใส่ Sharpen เพิ่มรายละเอียดของภาพเข้ามาให้พอสมควร ทำให้ภาพที่มีรายละเอียดเยอะ อาจจะดูเป็นเม็ดๆ ขึ้นมา ถ่ายภาพกลางคืนก็ถือว่าใช้ได้ มีน้อยซ์ตามปกติ แต่ที่ขัดใจหน่อย จะเป็นภาพประเภทซีลูเอท หรือภาพย้อนแสง ที่กล้องจะพยายามเก็บรายละเอียดทั้งหมดของภาพ แนะนำให้เปิด HDR ของกล้อง จะช่วยให้สามารถมาแก้ไขส่วนมืดส่วนสว่างตามชอบได้ที่หลัง
สำหรัแฟลช 3LED หรือแฟลช 3 สี อันนี้ก็น่าสนใจดี ทำให้สีที่ออกมาค่อนข้างตรงไม่ขาวเวอร์เหมือนแฟลชปกติทั้วไปแต่แสงยังไม่ค่อยแรง ถ่ายไกลๆ อยากกจะไม่เห็นชัดนัก ด้านขวาเป็นภาพจากกล้องหน้า ใช้เลนมุมกว้างเก็บได้ค่อนข้างครอบคลุม ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล มีแถมแต่งบิวตี้มาให้นิดหน่อย เพื่อความสวยงาม
Microsoft Lumia 950 | Samsung Galaxy S7 |
เปรียบเทียบภาพด้านซ้ายจากกล้องหลังของ Microsoft Lumia 950 ด้านขวาจากกล้องของ Samsung Galaxy S7 ออโต้ทุกอย่าง ถ่ายเลยโดยไม่ได้ปรับใดๆ นะครับ ภาพที่ออกมา Microsoft Lumia 950 ดูจะชัดกว่าเล็กน้อยอาจจะเพราะใส่ Sharpen มาให้ส่วนสี Galaxy S7 จะแม่นกว่า
ด้านท้ายอันนี้อยากให้ดู มีการเปลี่ยนไปใช้พอร์ตแบบ USB-C ในการเชื่อมต่อแทน พอร์ต Micro USB แบบเดิมซึ่งมีความเร็วและความสามารถที่หลากหลายมากกว่า
หนึ่งในนั้นคือความสามารถของ Continuum (ต้องซื้อเพิ่ม) ที่เมื่อเอามือถือมาต่อกับ Microsoft Display Dock ใส่คีย์บอร์ด เมาส์ เสียบสายเข้ากับจอทีวีหน่อย เปลี่ยนมือถือธรรมดาให้กลายเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ Windows 10 ย่อมๆ ได้ แต่จะใช้ได้เฉพาะแอปของมือถือเท่านั้น ไม่สามารถเอาโปรแกรม .exe สำหรับเครื่องพีซีมาติดตั้งได้
ความสามารถอาจจะไม่ได้สูง นึกสภาพคล้ายๆ กับ Compute Stick ไว้สำหรับใช้งานทั่วไป เช่น การทำงานซึ่งมีชุดของ Microsoft Office (Word, PowerPoint, Excel, และ OneNote) สำหรับทำงานหรือแก้ไขเบื่องต้นได้ หรือการใช้งานด้านความบันเทิง ซึ่งจากการทดสอบสามารถเล่นไฟล์วีดิโอความละเอียดระดับ 4K ได้สบาย แต่ถ้าเล่นเกมอาจจะไม่รองรับ แอปที่ไม่รองรับก็จะไม่สามารถนำภาพขึ้นหน้าจอได้
มาต่อที่ด้านหลังตัวเครื่อง เป็นฝาสามารถถอดออกเพื่อเปลี่ยนแบต ใส่ซิมการ์ด(Nano SIM) และเมมโมรี่แบบ MicroSD เพิ่มได้ โดยเครื่องที่ขายในบ้านเราจะสามารถใส่ได้เพียง 1 ซิมเท่านั้น รองรับทั้ง 2G, 3G, และ 4G ทุกเครือข่ายที่มีอยู่ในบ้านเราตอนนี้
หน้าตาชัดๆ ตัวแบตเตอรี่ขนาด 3000 mAh ถอดเปลี่ยนได้ตลอด แต่ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ตรงที่ดีไซน์ให้ต้องถอดแบตออกทุกครั้งที่เปลี่ยนซิม หรือใส่เมมโมรี่การ์ดเพิ่ม ค่อนข้างจะไม่สะดวก
specification
OS | Windows 10 |
CPU | Qualcomm Snapdragon 808 1.8 GHz 6 core 64bit |
Camera | กล้องหลัง PureView ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล ใช้เลนส์ Zeiss มีกันสั่น OIS และแฟลช LED 3 สี บันทึกวีดิโอ 4K |
กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล ถ่ายวีดิโอ 1080p | |
Memory | 3 GB |
Storge | 32 GB รองรับ SDXC เพิ่มสูงสุด 200 GB และคลาวด์จาก OneDrive |
Display | Quad-HD AMOLED 5.2″ Gorilla® Glass 3 2560×1440 (564 ppi) Capacitive multipoint-touch |
เครื่อข่าย | 4G LTE Cat6 300/50 Mbps |
3G HSPA 42.2/5.76 Mbps | |
SIM Type | Nano SIM (4FF) |
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi (2.4GHz) b/g/n/ac MIMO |
Bluetooth 4.1 LE | |
USB Type-C | |
ขนาด | 145 x 73.2 x 8.25 มม. |
150 กรัม | |
วัสดุ | โพลีคาร์บอเนต |
Battery | Li-ion 3,000 mAh สามารถถอดเปลี่ยนได้ |
ระบบปฏิบัติการ Windows 10
ในส่วนของระบบปฏิบัติการ Wimdows 10 ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ด้วยความสามารถในการทำงานแบบ IOT ทำงานร่วมกับคลาวด์ได้อย่างน่าสนใจ
- Windows Hello สิ่งแรกที่ประทับใจมากเลยคือ Windows Hello ซึ่งเป็นการล็อคอินด้วยใบหน้า (ใช้ได้เฉพาะบางรุ่น) ใช้กล้องด้านหน้าแสกนบริเวณรอบดวงตาในล็อคอิน แต่น่าเสียดายตัวนี้ยังเป็น beta อยู่ ยังมีข้อจำกัดเยอะพอสมควร ระยะต้องได้มุมต้องตรง ถึงจะล็อคอินผ่าน ซึ่งยากมากอาจจะต้องปรับปรุงให้สามารถจับใบหน้าได้แม่นยำมากกว่านี้
- Microsoft Account เป็นอีกส่วนหนึ่งที่น่าประทับใจแค่ล็อคอินด้วยบัญชีของ Microsoft Account ที่เครื่อง ทุกอย่างที่เราเคยตั้งค่าไว้ จะถูกโอนมายังเครื่องใหม่ที่เราใช้อยู่นี้ในทันที ตรงนี้เราสามารตั้งค่าได้ด้วยจะให้เครื่องซิงค์อะไรบ้าง ค่อนข้างสะดวกสำหรับคนที่มีหลายเครื่อง หรือคนที่เปลี่ยนเครื่องบ่อยๆ
- Metro UI เป็นเอกลัษณ์มาตั้งแต่สมัย Windows 8 แล้ว ชอบตรงที่ออกแบบได้สวยเป็นเอกลักษณ์ สามารถเช็ค Notifications ได้จากหน้าโฮมนี้เลย เพียงแต่เราอาจจะงงในช่วงแรกหน่อย เพราะถ้ามี Notifications ของแอปใดก็ตามขึ้นมา โลโก็ของแอปนั้นจะหายไป ทำให้เรางงว่านี่คือ Notifications จากแอปอะไรกันแน่ หรือบางครั้งก็อาจจะหาแอปที่จะเรียกใช้ไม่เจอเพราะ Notifications บังอยู่
- โหมดใช้งานมือเดียว กดปุ่ม Home ค้างไว้จะเข้าสู่โหมดการใช้งานมือเดียว โดยจะหดหน้าจอลงเหลือแค่ครึ่งเดียวเพื่อให้สามารถควบคุมหน้าจอได้สะดวกขึ้น ใช้มือเดียวก็สามารถจัดการได้ แต่ส่วนตัวไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่ ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ทำให้นิ้วเรากวาดไปได้ไม่ครบทั้งหน้าจออยู่ดี อีกกรณีหนึ่งคือเมื่อเจอรูปภาพ ในโหมดการใช้งานมือเดียว ไม่ได้ย่อรูปลงด้วยทำให้ภาพบล้นเฟรม ดูไม่รู้เรื่องต้องขยายหน้าจอขึ้นมาเหมือนเดิม จริงๆ ควรมีการปรับขนาดในส่วนนี้ด้วย
- Windows Keyboard ค่อนข้างจะงงในช่วงแรก เพราะสั้นกว่าคีย์บอร์ดเจ้าอื่นเล็กน้อย ตัว “ล” เลยเด้งมาอยู่ข้าง Spacebar และการเปลี่ยนภาษาที่ใช้วิธีการ ปาดซ้าย ขวา ตรงปุ่ม Spacebar แทนการกดปุ่มเลือกเหมือนระบบปฏิบัติการอื่นๆ
โดยรวมถือเป็นอีกหนึ่งระบบปฏิบัติการที่น่าสนใจ มีลูกเล่นและความสามารถไม่แพ้ระบบปฏิบัติการอื่นๆ เพียงแต่ยังขาดนักพัมนาแอปพลิเคชั่นอย่างต่อเนื่อง หลายแอปยังไม่ค่อยอัปเดต เที่ยวเท่าแอปเดียวกันบนระบบปฏิบัติการอื่น รวมถึงหลายแอปเฉพาะทางก็ยังไม่มีให้ใช้งาน
ทดสอบ Microsoft Lumia 950
ผลทดสอบจาก AnTuTu Benchmark 0.8.0 beta
ผลทดสอบจาก PhoneMark
ด้วยราคาและประสิทธิภาพที่ได้ก็ถือว่าเจ๋งมากทีเดียว โดยเฉพาะกับ Microsoft Display Dock ที่เปลี่ยมือถือให้กลายเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ ถึงจะใช้งานได้ไม่มาก แต่ก็มีประโยชน์ทีเดียว เอาไว้เป็นมีเดียเพลเยอร์ที่บ้านก็แจ่ม เอาไปใช้พรีเซ็นต์งานที่โรงเรียน หรือที่ทำงานก็ไม่เลว จะติอยู่อย่างเดียวก็เรื่องของแอปที่ใช้งานบน Windows ยังมีไม่มาก และหลายแอปก็อัปเดตค่อนข้างช้าไม่ทันกับระบบปฏิบัติการอื่นๆ
Microsoft Lumia 950 5.2″ ราคา 20,700 บาท
Microsoft Lumia 950XL 5.7″ ราคา 23,000 บาท
Microsoft Display Dock ราคา 2,920 บาท
สามารถซื้อได้ที่ ร้านทีจีโฟน เจมาร์ท บิ๊กซี และร้านค้าปลีกชั้นนำทั่วประเทศ