มีคนบอกว่าปัญหาใหญ่ของแท็บเล็ตที่ใช้ OS Windows คือถ้าไม่ราคาแพงเกินไปก็สเปกต่ำเกินไป ทางแก้คือต้องมีผู้ใหญ่ใจดีซักคนทำแท็บเล็ตวินโดวส์สเปกดีแต่ราคาไม่แพงจนเกินไปออกมาขาย ผู้ใหญ่ที่เป็นทั้งยักษ์ใหญ่ในวงการพีซีและอาจจะเป็นแจ๊คผู้ฆ่ายักษ์ในวงการโมบายล์…อย่าง Lenovo นี่ไง
สวัสดีครับแฟนๆ PCToday ทุกท่าน สบายดีกันหรือเปล่าครับ หลายคนคงบ่นว่าร้อนแทบทนไม่ไหว ทนหน่อยครับ…พอเข้าหน้าฝนเราก็จะเปลี่ยนไปบ่นเรื่องฝนตกน้ำท่วมกันแระ ช่วงที่อากาศร้อนๆ หลายคนรวมถึงตัวผมเองด้วยย้ายสำมะโนครัวไปอยู่ตามห้างต่างๆ ชั่วคราวในตอนกลางวัน ก็มันเย็นดีนี่ครับ หยูกยาอาหารก็ครบ เบื่อๆ ก็เดินช้อบปิ้ง (ด้วยสายตาและสัมผัส) โดยเฉพาะตามแผนกและร้านไอที
แต่ผมไม่ได้ไปเดินเอาแอร์อย่างเดียวหรอกครับ…ก็แอบไปสำรวจตลาดไอทีด้วยในตัว ถึงแม้จะมีรายงานว่ายอดขายพีซีกระเตื้องขึ้นแต่ยังไงซะเทรนด์ในอนาคตก็ยังเป็นของสินค้ากลุ่มโมบายล์ไล่ซึ่งนำทีมโดย 3 อุปกรณ์หลักคือมือถือสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และโน้ตบุ๊ก เดี๋ยวต่อไปพวกอุปกรณ์ไฮเทคที่สวมใส่ได้ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกา แว่นตา รองเท้า ฯลฯ ก็จะทยอยตามมาเรื่อยๆ
แท็บเล็ตกับความท้าทายในอนาคต
ใน 3 ผลิตภัณฑ์โมบายล์ที่ว่านั้นแท็บเล็ตดูจะมีอนาคตที่ไม่ราบรื่นเหมือนมือถือและโน้ตบุ๊ก มือถือนั้นแม้ว่าวิวัฒนาการดูจะเชื่องช้าลง สังเกตได้จากการที่มือถือระดับท็อปอย่าง iPhone 5S, Galaxy S5 และ One (M8) มีเทคโนโลยีใหม่เพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น แต่อย่างไรเสียมือถือโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เป็นสมาร์ทโฟนก็กลายเป็นอีกปัจจัยสำคัญในการดำรงค์ชีวิตของคนยุคนี้ไปแล้ว
โน้ตบุ๊กนั้นแม้ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มที่เก่าแก่และกำลังถูกคุกคามโดยแท็บเล็ต แต่ผมเชื่อว่าแท็บเล็ตยังไม่สามารถเข้ามาแทนที่โน้ตบุ๊กได้โดยเฉพาะในเรื่องการทำงานและสร้างผลิตผล (Productivity) แม้ว่าจะมีแท็บเล็ตที่พยายามทลายกำแพงที่ว่า (เช่นแท็บเล็ตซีรี่ส์ Galaxy Note/Tab Pro) แต่ก็ยังไม่สมบูรณ์แถมยังสร้างกำแพงเรื่องราคาขึ้นมาอีก
ตลาดแท็บเล็ตนั้นคาดการณ์ว่าปีนี้จะโตแค่ 14% เมื่อเทียบกับ 51% ของปีที่แล้วถือว่าไม่น้อย ที่สำคัญคือยอดขายแท็บเล็ตนั้นเริ่มซบเซาลงอย่างช้าๆ มาหลายปีแล้ว จะทำอย่างไรให้แท็บเล็ตกลับมาบูมได้เป็นคำถามข้อใหญ่ของคนในวงการไอทีขณะนี้ หนึ่งในหลายๆ หนทางที่กำลังทดลองกันคือการเปลี่ยนขนาดหน้าจอ ต้นแบบทีทำแล้วเห็นผลก็ไม่ใช่ใครอื่นไกลเป็น Apple กับ iPad mini นั่นเอง โดยภาพรวมแล้วในอนาคตเราจะเห็นแท็บเล็ต 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ 1) ขนาดหน้าจอ 7-9 นิ้วกับ 2) 10-12 นิ้ว
Windows กับแท็บเล็ต 8 นิ้ว
เชื่อเถอะครับว่าปีนี้ตลาดแท็บเล็ต 8 นิ้วจะเดือดเป็นพิเศษ ตลาดแท็บเล็ต 7 นิ้วนั้นอิ่มตัวเกินไปแล้วและขนาดหน้าจอก็ค่อนข้างจะเล็กเกินกว่าที่เราจะบริโภคคอนเท็นต์ได้อย่างเต็มที่ ขนาดหน้าจอ 8 นิ้วนั้นแม้เรื่องการบริโภคคอนเท็นต์จะไม่สมบูรณ์เหมือนพวก 10 นิ้วขึ้นไปแต่ก็พอรับได้แถมสิ่งที่ได้มาคือความสะดวกสบายในการพกพา สำหรับ Apple นั้นมี iPad mini อยู่แล้วและเชื่อว่าปีนี้ก็น่าจะออกเวอร์ชั่นอัพเดตมาอีก ฟาก Android นี้ข่าวลือเรื่อง Nexus 8 เริ่มหนาหูขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกัน
ในบรรดา OS โมบายล์หลัก 3 ตัวคือ Android, iOS และ Windows นั้น Windows กินส่วนแบ่งการตลาดน้อยที่สุด แม้ในปีที่ผ่านมาแท็บเล็ต Windows จะขายได้มากขึ้นอันเนื่องมาจากฮาร์ดแวร์ที่ดีขึ้นอย่าง SoC Intel Bay Trail ฝั่งผู้ผลิตอย่าง Acer, Asus หรือ Toshiba ก็มีส่วนผลักดันให้มีแท็บเล็ต Windows ออกมามากขึ้น แต่กระนั้นเราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าแท็บเล็ต Windows ยังห่างไกลจากคู่แข่งทั้ง 2 แบบไม่เห็นฝุ่น สิ่งที่ Microsoft และพาร์ทเนอร์ต้องทำคือขายแท็บเล็ต Windows ให้ได้มากขึ้น ทำอย่างไรถึงจะขายได้มากขึ้น…ก็เริ่มจากเน้นตลาดที่มี Potential สูงๆ อย่างขนาดหน้าจอ 8 นิ้วไงครับ
Lenovo ThinkPad 8
Lenovo เป็นหนึ่งในบริษัทที่ผลิตแท็บเล็ต Windows ออกมาอย่างต่อเนื่อง ความสำเร็จของ Lenovo นั้นมีส่วนคล้ายกับ Samsung คือต้องผ่านการลองผิดลองถูกมาก่อน Lenovo ลองทำแท็บเล็ตมาแล้วแทบทุกขนาด เฉพาะแท็บเล็ต Windows นั้นมีทั้งขนาด 8, 10.1 และ 11.6 นิ้วและก็มีหลายรุ่นหลายซีรี่ส์ เช่น ซีรี่ส์ Miix ซึ่งเป้าหมายอยู่ที่กลุ่มผู้บริโภคทั่วไป หรือซีรี่ส์ ThinkPad ซึ่งเล็งที่กลุ่มธุรกิจและองค์กร
Lenovo Miix 2 8 นิ้ว
Lenovo ประสบความสำเร็จกับ Miix 2 ขนาด 8 นิ้วพอสมควรซึ่งนั่นก็นำไปสู่แท็บเล็ต Windows ขนาด 8 นิ้วในซีรี่ส์ ThinkPad อย่าง ThinkPad 8 อย่างที่บอกไปนะครับว่าผลิตภัณฑ์ซีรี่ส์ ThinkPad นั้นมีกลุ่มเป้าหมายอยู่ที่พวกธุรกิจดังนั้นคุณภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญ คุณภาพที่สูงย่อมต้องแลกมาด้วยราคาที่สูงเช่นกัน แต่ Lenovo ก็ไม่ใจร้ายถึงขนาดชาร์จราคาขนาดที่ทำให้กระเป๋าแบนจนแฟนทิ้ง ความคุ้มค่ายังคงเป็นหัวใจหลักของ Lenovo เช่นเคย
จะเห็นว่า ThinkPad 8 หน้าตาคล้ายกับ Miix 2 8 มาก ในเรื่องของขนาดนั้น ThinkPad 8 ใหญ่กว่าเล็กน้อย (224x132x9 มม. vs 215x132x8 มม.) ในเรื่องของสเปกนั้น ThinkPad 8 ดีกว่าในหลายๆ ด้าน SoC ที่ใช้นั้นยังคงเป็น Intel Atom (Bay Trail) เหมือนเดิมแต่ใช้รุ่นที่สูงขึ้นคือ Z3770 Quad-core ความเร็ว 1.46GHz (Burst 2.39GHz) ซึ่งเร็วกว่า Z3740 (1.33GHz, Burst 1.86GHz) ที่พบในแท็บเล็ต Windows 8 ส่วนใหญ่ ส่วนกราฟิกนั้นใช้ Intel HD Graphics เหมือนกันทุกประการ
ThinkPad 8 มาพร้อมแรม DDR3-1066 2GB พื้นที่เก็บข้อมูลนั้นใช้ eMMC ขนาดเริ่มต้นที่ 64GB (Miix 2 เริ่มที่ 32GB) ความอลังการของ ThinkPad 8 อยู่ที่หน้าจอ IPS มุมมอง 180 องศาบวกความละเอียด 1920×1200 พิกเซลซึ่งอัดอยู่ในหน้าจอขนาด 8.3 นิ้ว (Miix 2 8 นิ้ว) หรือเท่ากับ 272 ppi ซึ่งสูงกว่า 186 ppi ของ Miix 2 มากมาย จำนวนทัชก็รองรับมากขึ้นจาก 5 เป็น 10 จุด
Lenovo เพิ่มความละเอียดกล้องหลังจาก 5MP เป็น 8MP ส่วนกล้องหน้ายังคงเป็น 2MP เหมือนเดิม วัสดุที่ใช้นั้นเป็นแบบพรีเมี่ยมสมชื่อ ThinkPad โดยด้านหลังเป็นอลูมิเนียมสีดำแข็งแรงทนทานตัดกับขอบกล้องสีแดงดูสวยงามดุดัน ด้านหน้านั้นใช้กระจก Dragontrail Glass ของ Asahi ซึ่งไม่ด้อยไปกว่า Gorilla Glass ของ Corning เลย การเชื่อมต่อแบบไร้สายนั้นมีทั้ง Wireless a/b/g/n แบบ Dual-band, Bluetooth 4.0 และ GPS
ด้านขวามีปุ่ม Power, Volume และพอร์ต microUSB 3.0 ด้านซ้ายมีช่องเปิดสำหรับใส่การ์ด microSD (+ซิม สำหรับรุ่นที่รองรับ 3G) และพอร์ต micro-HDMI ด้านบนนั้นมีแจ๊ค 3.5 มม.และลำโพง 1 คู่ ส่วนด้านล่างไม่มีพอร์ตหรือปุ่มใดๆ
ThinkPad 8 นั้นมีอุปกรณ์คู่ใจ (ซึ่งต้องซื้อเพิ่มราคา 35 เหรียญ) คือ QuickShot cover ซึ่งก็คล้ายๆ กับสมาร์ทเคสสำหรับแท็บเล็ตทั่วไป แต่ถ้าสังเกตให้ดีๆ จะเห็นว่าตรงมุมบนนั้นมีรอยสำหรับพับไว้ด้วย ขณะเราใช้งานแท็บเล็ตเรามักจะพับปกไปด้านหลังซึ่งจะบังกล้อง แต่ QuickShot cover ทำให้เราสามารถพับมุมเล็กๆ ลงเพื่อเปิดทางให้ใช้กล้องหลังถ่ายรูปได้ซึ่งนั่นก็เป็นที่มาของชื่อ QuickShot ครับ อุปกรณ์ ThinkPad ส่วนใหญ่ก็จะมี Docking ซึ่ง ThinkPad 8 ก็มีเช่นกัน (ราคา 120 เหรียญ)