อะไรคือเทคโนโลยีที่ฉลาดที่สุดที่คุณมี? อาจเป็นรถที่คุณขับอยู่ทุกวันนี้ ซึ่งกำลังจะก้าวล้ำไปอีกขั้น เพราะฟอร์ดเดินหน้าเต็มกำลังสู่เป้าหมายการผลิตรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติภายในปี พ.ศ. 2564 เพื่อรองรับการใช้รถยนต์ร่วมกันและบริการรถเรียกสาธารณะ
ถึงแม้จะต้องใช้เวลาอีก 2-3 ปี กว่าโลกจะเข้าสู่ยุครถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติอย่างเต็มตัว แต่รถยนต์ที่เราขับทุกวันนี้ก็ถือว่าเป็นรถยนต์ขับเคลื่อนกึ่งอัตโนมัติและมีเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ในตัว เทคโนโลยีล้ำสมัยดังกล่าวถูกออกแบบมาเพื่อช่วยตรวจจับสมรรถนะการขับรถที่ไม่สมบูรณ์ ก่อนที่ผู้ขับขี่จะรู้ตัวว่าต้องการตัวช่วยเสียอีก แน่นอนว่าเทคโนโลยีช่วยขับขี่ในปัจจุบันเหล่านี้ฉลาดพอที่จะคิดแทนและตัดสินทักษะการขับรถของผู้ขับขี่ได้
อย่างไรก็ตาม รถจอมบงการไม่ได้มีขึ้นเพื่อทำให้คุณรู้สึกผิดหวัง ซึ่งต่างจากคนที่ชอบบงการตัดสินคนอื่น เพราะมันช่วยให้คุณเป็นผู้ขับขี่ที่ดีขึ้นได้ หากตอนนี้คุณกำลังมองหารถยนต์คันใหม่ นี่คือเทคโนโลยี 6 อย่างที่คุณควรมีไว้ในครอบครอง เพื่อช่วยให้การขับขี่บนท้องถนนของคุณปลอดภัยขึ้นและตึงเครียดน้อยลง รายละเอียดต่างๆ มีความแตกต่างกัน ดังนั้น คุณควรศึกษารายละเอียดดังกล่าวจากคู่มือรถให้ดี
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Electronic Stability Program)
สถานการณ์: คุณหัก พวงมาลัยอย่างรวดเร็ว ทำให้รถสูญเสียการทรงตัว
คำตัดสิน: ผู้ขับต้องการความช่วยเหลือเพื่อที่จะทำให้รถกลับมาทรงตัวได้อีกครั้ง
การดำเนินการ: ทำงานอัตโนมัติโดยการเพิ่มแรงเบรกและปรับแรงบิดเครื่องยนต์ เพื่อช่วยให้คุณควบคุมรถได้อีกครั้ง
วิธีการทำงาน: รถรุ่นใหม่ส่วนใหญ่มาพร้อมกับระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESP) อยู่แล้ว ซึ่งสามารถช่วยให้คุณรักษาการทรงตัวในสถานการณ์การขับรถที่อันตรายหรือเมื่อคุณหักหลบกระทันหัน เมื่อระบบตรวจพบว่ารถของคุณกำลังสูญเสียการทรงตัว มันจะทำการเพิ่มแรงเบรกที่ล้อแต่ละล้อให้โดยอัตโนมัติ และปรับแรงบิดเครื่องยนต์เพื่อปรับปรุงเสถียรภาพการทรงตัวของรถและช่วยลดการลื่นไถลออกด้านข้าง หากไฟ ESP บนแผงหน้าปัดสว่างขึ้น นั่นแสดงให้เห็นว่าระบบ ESP ทำงานแล้ว การหลีกเลี่ยงการลื่นไถลออกด้านข้างเป็นสิ่งสำคัญมากเนื่องจากเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของอุบัติเหตุต่างๆ
ระบบแจ้งเตือนการขับขี่ (Driver Alert System)
สถานการณ์: รถเบี่ยงออกนอกเลน ส่ายไปมา
คำตัดสิน: ผู้ขับอาจไม่มีสมาธิหรือหลับใน
การดำเนินการ: แจ้งเตือนเมื่อความระมัดระวังในการขับขี่ลดลง
วิธีการทำงาน: ระบบแจ้งเตือนการขับขี่ตรวจวัดระดับความระมัดระวังในการขับรถ โดยการวัดตำแหน่งของรถภายในเลนและระดับการส่ายของรถ หากผู้ขับมีระดับความระมัดระวังต่ำกว่าที่กำหนดซึ่งอาจมีสาเหตุจากความเหนื่อยล้าหรือขาดสมาธิ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนให้ “พัก” (Rest Now) ควบคู่ไปกับเสียงแจ้งเตือน
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (Lane Keeping System)
สถานการณ์: รถกำลังเบนออกจากเลนโดยไม่ตั้งใจ
คำตัดสิน: ผู้ขับกำลังเปลี่ยนเลนโดยไม่ตั้งใจ
การดำเนินการ: แจ้งเตือนเมื่อรถคุณกำลังเบนออกจากเลน และนำคุณกลับมาสู่เลนปัจจุบัน หากไม่มีการตอบสนอง
วิธีการทำงาน: เมื่อรถคุณกำลังเบนออกจากเลนโดยไม่รู้ตัว ระบบจะพิจารณาว่าเป็นการออกจากเลนโดยที่ไม่ตั้งใจและระบบจะดำเนินการเข้าควบคุมแรงบิดของพวงมาลัยเพื่อดึงรถกลับเข้าสู่เลนเดิม หากรถยังคงเบี่ยงออกจากเลนโดยคุณไม่ตอบสนอง ขั้นต่อไป ระบบจะช่วยแจ้งเตือนผู้ขับขี่ด้วยการสั่นที่พวงมาลัย
ระบบเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning)
สถานการณ์: คุณกำลังอยู่บนถนนที่การจราจรเคลื่อนตัวเร็ว มีแนวโน้มว่ารถของคุณจะชนปะทะกับรถคันหน้า และคุณก็ไม่ได้เตรียมรับมือที่จะป้องกัน
คำตัดสิน: ผู้ขับต้องการตัวช่วยเพื่อให้หยุดรถได้ทันเวลา เพื่อป้องกันโอกาสการชน
การดำเนินการ: แจ้งเตือนให้คุณหยุดรถได้อย่างรวดเร็วขึ้น
วิธีการทำงาน: หากความเร็วและระยะห่างของรถกับวัตถุที่เคลื่อนที่อยู่ด้านหน้ามีโอกาสที่จะเกิดการชน ระบบจะส่งสัญญาณเตือนพร้อมกระพริบไฟบนกระจกด้านหน้าและระบบจะชาร์จแรงเบรกเตรียมไว้ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถหยุดรถได้อย่างรวดเร็วเมื่อแตะเบรก
ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control)
สถานการณ์: รถคันหน้ากำลังเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วและรถของคุณก็วิ่งตามมาด้วยความเร็ว
คำตัดสิน: ป้องกันโอกาสการชน กรณีรถคันข้างหน้าชะลอความเร็ว
การดำเนินการ: ควบคุมระดับความเร็วของรถและรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าของคุณให้คงที่
วิธีการทำงาน: เมื่อตั้งค่าควบคุมความเร็วแบบอัตโนมัติ ระบบจะรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าในระยะที่ปลอดภัย โดยที่ผู้ขับขี่ไม่ต้องเหยียบคันเร่งหรือเบรกตามคันหน้า
ระบบเปิด–ปิดไฟสูงอัจฉริยะ (Auto High Beam Control)
สถานการณ์: รถของคุณกำลังวิ่งอยู่บนถนนที่ค่อนข้างมืด
คำตัดสิน: ผู้ขับลืมเปิดไฟสูง
การดำเนินการ: ควบคุมการเปิดปิดไฟสูงอัตโนมัติเพื่อลดอุบัติเหตุ
วิธีการทำงาน: ระบบนี้ใช้กล้องที่ติดตั้งอยู่ด้านหน้าตรวจสอบสภาวะต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เมื่อบริเวณนั้นมืดมากพอและไม่มีแสงไฟจากรถคันอื่นๆ โดยรอบ ระบบจะทำงานเปิดไฟสูงเองอัตโนมัติ และเมื่อตรวจจับว่ามีแสงไฟมากพอหรือมีไฟสวนจากรถตรงข้าม ระบบก็จะปิดไฟสูงอัตโนมัติ
เทคโนโลยีขับเคลื่อนกึ่งอัตโนมัติและเทคโนโลยีช่วยขับขี่กำลังเป็นที่นิยม และมันทำให้ผู้ทดลองใช้ได้เห็นว่า เทคโนโลยีในโลกอนาคตจะเป็นอย่างไร ดังนั้น เตรียมพร้อมเปิดรับเทคโนโลยีเหล่านี้และเรียนรู้เกี่ยวกับมัน ไม่ว่ามันจะคิดตัดสินแทนเราอย่างไร แต่เทคโนโลยีล้ำสมัยนี้ก็เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ต่อตัวผู้ขับขี่ทั้งสิ้น