บริษัท บัฟฟาโล่ เทคโนโลยี ผู้นำระดับโลกในด้านการออกแบบ พัฒนา และผลิตโซลูชั่นเครือข่ายทั้งแบบใช้สายและไร้สาย รวมถึงอุปกรณ์สตอเรจที่มีทั้งแบบเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายและแบบต่อพ่วงจากตัวอุปกรณ์ได้โดยตรง แนะนำ TeraStationTM 5000 Series โซลูชั่นสตอเรจรุ่นใหม่เพื่อการจัดเก็บข้อมูลบนเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพสูงในประเทศไทย หลังจากที่ได้มีการแนะนำ TeraStation 7000 Series สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ไปแล้ว ครั้งนี้ บัฟฟาโลได้นำสตอเรจ 5000 Series มาแนะนำสำหรับองค์กรธุรกิจขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) โดยมีให้เลือกทั้งรุ่น TeraStation 5200 สตอเรจแบบ 2 ไดร์ฟ และรุ่น TeraStation 5400 สตอเรจแบบ 4 ไดร์ฟ ทั้งนี้ TeraStation 5000 Series ประกอบด้วย อินเทลTM อะตอมTM D2550 ซึ่งเป็นดูอัลคอร์โปรเซสเซอร์จากอินเทล จึงเปี่ยมด้วยพลังประสิทธิภาพจากคุณสมบัติพิเศษๆ ที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับองค์กรธุรกิจในไทย ซึ่งได้แก่ คุณสมบัติของ iSCSI การสำเนาข้อมูลซ้ำ (replication) การเปิดระบบกลับคืนได้เองเมื่อเกิดเหตุขัดข้อง (failover support) และ SoleraTecTM Phoenix RSMTM ซึ่งเป็นโซลูชั่นบริหารจัดการสินทรัพย์ด้วยกล้องวงจรปิด
มร. อัตซุโอะ ชิบาตะ ผู้จัดการประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ โอเชียเนีย กรุ๊ป บริษัท บัฟฟาโล อิงค์ กล่าวว่า “สตอเรจรุ่น 5000 Series ช่วยลดอุปสรรคต่างๆ ที่องค์กรธุรกิจต้องประสบอยู่เสมอเมื่อติดตั้งและใช้ระบบรักษาความปลอดภัยแบบใช้ไอพี เพราะสตอเรจรุ่นนี้ช่วยลดความซับซ้อนในการใช้งาน และลดต้นทุนของโซลูชั่นบริหารจัดการสินทรัพทย์และอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลในระบบ IP video surveillance แบบเดิมๆ การเปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นนี้ นับเป็นอีกครั้งที่พิสูจน์ให้เห็นถึงความตั้งใจของเราที่ต้องการนำเสนอโซลูชั่นประสิทธิภาพสูง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า และแสดงถึงความมุ่งมั่นของเรา ในการขยายตลาดในกลุ่มเอสเอ็มอีอีกด้วย”
ทุกวันนี้ พนักงานไอทีของธุรกิจในกลุ่มเอสเอ็มอีต้องเผชิญกับความท้าทายในการหาโซลูชั่นสำหรับกู้คืนและสำรองข้อมูลที่ให้ประสิทธิภาพสูงแต่มีราคาที่คุ้มค่า เพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านความจุและการจัดระบบไฟล์ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา สตอเรจรุ่น TeraStation 5000 Series เป็นอีกขั้นที่ล้ำหน้าของผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเซิร์ฟเวอร์สตอเรจสำหรับองค์กรธุรกิจ ซึ่งมีการปรับปรุงยูสเซอร์อินเทอร์เฟซเพื่อให้
ง่ายต่อการบริหารจัดการ ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรได้อย่างเต็มที่ ตอบสนองได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และสามารถปกป้องข้อมูลด้วยระบบกู้คืนข้อมูลเมื่อเกิดภัยพิบัติได้อย่างแท้จริง สตอเรจรุ่น TeraStation 5000
Series เป็นชุดจัดเก็บข้อมูลผ่านเครือข่ายแบบ NAS และ iSCSI ที่สามารถปรับขยายได้ เหมาะสำหรับองค์กรธุรกิจที่ต้องการโซลูชั่นการจัดเก็บข้อมูลผ่านเครือข่ายแบบ RAID-Based ที่มีความเสถียรและปรับขยายระบบได้เมื่อธุรกิจขยายตัว
นอกจากนี้ TeraStation 5000 Series ยังทำงานหลายๆ อย่างพร้อมกันได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นรุ่นที่ผสมผสานพลังประสิทธิภาพจากดูอัลคอร์ โปรเซสเซอร์ ความเร็ว 1.86 GHz และหน่วยความจำแรม DDR3 ขนาด 2 GB ส่งผลให้สตอเรจรุ่นนี้สามารถโฟกัสกลุ่มงานที่กำลังเกิดขึ้นพร้อมๆ กันได้โดยใช้พลังสมรรถนะจากตัวอุปกรณ์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น นั่นคือ ผู้ใช้จะยังสัมผัสได้ถึงประสิทธิภาพที่เต็มเปี่ยมจากเครือข่าย แม้ในขณะที่งานในส่วนของแบ็คกราวด์ต้องมีการทำสำเนาซ้ำ วิดีโอรักษาความปลอดภัยกำลังบันทึกภาพจากกล้องแบบใช้ไอพีหลายๆ ตัวพร้อมกัน และผู้ใช้งานกำลังเข้าถึงคอนเทนท์จากระยะไกล สตอเรจรุ่น TeraStation 5000 Series อัดแน่นไปด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นสำหรับองค์กรธุรกิจ ได้แก่ ระบบบริหารจัดการวิดีโอรักษาความปลอดภัย รองรับการทำงานของ Active Directory, disk quota, share level replication, failover, dual gigabit Ethernet ports, hot-swap hard drives, iSCSI targeting และUSB 3.0 accessory ซึ่งเป็นระบบในอุดมคติสำหรับเครือข่ายที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และแอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่มีความสำคัญต่อธุรกิจ
สตอเรจรุ่น TeraStation 5000 Series มีแพลตฟอร์มการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้วยกล้องวงจรปิด ซึ่งทำให้ลูกค้าสามารถบันทึก เก็บ และบริหารจัดการวิดีโอคุณภาพสูงที่ง่ายต่อการเปิดและใช้งาน เทคโนโลยีSoleraTecTM Phoenix RSMTM มีระบบการบริหารจัดการที่ล้ำหน้าสำหรับวิดีโอที่เป็น forensics-based ซึ่งช่วยให้สามารถจัดการและปกป้องวิดีโอได้อย่างง่ายดาย เนื่องจากสตอเรจรุ่นนี้รองรับกล้องวิดีโอรักษาความปลอดภัยแบบ RTSP (Real Time Streaming Protocol) IP-based ได้สูงสุดถึง 20 ตัว ผู้ใช้งานจึงสามารถจับภาพ บริหารจัดการ และเก็บภาพจากกล้องได้โดยตรง ทั้งยังสามารถเปิดดูภาพสดและภาพที่บันทึกเก็บไว้ได้ โดยมีใบอนุญาตให้ใช้ฟรีสำหรับกล้อง 1 ตัว และสามารถซื้อใบอนุญาตสำหรับกล้องตัวที่ซื้อเพิ่มเติมได้
นอกจากนี้ สตอเรจรุ่น TeraStation 5400 TS54000D ยังมาพร้อมกับหน่วยความจำแบบ 4 ไดร์ฟ ซึ่งมีความจุสูงสุดถึง 12 เทราไบต์ และรองรับออพชั่นด้านการปกป้องข้อมูลหลากหลายรูปแบบ รวมถึง RAID 0/1/5/6/10 และ JBOD เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างประสิทธิภาพการทำงานและระบบการทำสำเนาซ้ำ สำหรับผลิตภัณฑ์ TeraStation 5400 จะเป็นรุ่นซึ่งมาแทนที่ TeraStation Pro Quad TS-QVL/R6 และมีวางจำหน่ายแล้ว โดยมีราคาประมาณ 63,990 บาทสำหรับขนาด 4 TB (TS5400D0404) 66,990 บาทสำหรับขนาด 8 TB (TS5400D0804) 82,990 บาทสำหรับขนาด 12 TB (TS5400D1204) และ 33,900 บาทสำหรับหน่วยความจำเพิ่มเติม (TS5400D)
สำหรับสตอเรจรุ่น TeraStation 5200 TS5200D มีหน่วยความจำแบบ 2 ไดร์ฟซึ่งมีความจุสูงสุดถึง 6 เทราไบต์ และรองรับ RAID 0/1และJBOD จึงเป็นโซลูชั่นในอุดมคติของออฟฟิศขนาดเล็กซึ่งต้องการประสิทธิภาพการทำงานและความเสถียรเช่นเดียวกับออฟฟิศที่มีขนาดใหญ่กว่าแต่ต้องการความจุน้อยกว่า สตอเรจรุ่น TeraStation 5200 จะเข้ามาแทนที่รุ่น TeraStation Pro Duo TS-WVL/R1 และมีวางจำหน่ายแล้ว โดยมีราคาประมาณ 36,990 บาทสำหรับรุ่น 2 TB (TS5200D0202) 41,990 บาทสำหรับ รุ่น 4 TB (TS5200D0402) 48,990 บาทสำหรับรุ่น 6 TB (TS5200D0602) และ 21,900 บาทสำหรับหน่วยความจำเพิ่มเติม (TS5200D)
สตอเรจรุ่นใหม่ๆ ของ TeraStation 5000 Series ที่บัฟฟาโลจะนำเสนอเพิ่มเติมภายหลังการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในรุ่น TeraStation 5200 และ TeraStation 5400 จะมาพร้อมกับพื้นที่ของตัวเคสที่ใหญ่ขึ้น ความจุมากขึ้น และการต่อแร็คเพิ่มขึ้นได้ นอกจากนี้ สตอเรจในรุ่น TeraStation 5000 Series ทุกชิ้นยังมีการรับประกัน 3 ปีให้อีกด้วย โดยวางจำหน่ายที่ บัฟฟาโล่ สโตร์ ซึ่งเป็นแฟล็กชิพสโตร์ ณ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ในกรุงเทพฯ นอกจากนี้ยังจำหน่ายผ่านบริษัท เดอะแวลลูซิสเตมส์ จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์บัฟฟาโล่เพียงรายเดียวในประเทศไทย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัท บัฟฟาโล่ และผลิตภัณฑ์ต่างๆ สามารถชมได้ในเว็บไซต์ www.buffalotech.com