สำหรับงาน WWDC17 งานรวมตัวของเหล่านักพัฒนาแอปในฝั่งของ Apple เมื่อคืนนี้ มีพูดถึงด้วยกัน 6 เรื่องหลักดังนี้
1.) tvOS สำหรับ AppleTV ไม่มีอะไรมากแค่เพิ่ม Amazon Prime Video เข้ามา เราก็คงไม่ได้ดูอยู่ดี
2.) watchOS
- เพิ่ม Siri บนหน้าจอสำหรับสั่งงาน รวมถึงดึงข้อมูลที่ Siri คิดว่าเราต้องการมาโชว์ เช่น วันนี้เรามีนัดหมาย อาจจะดึงข้อมูลสภาพอากาศแถวๆ นั้นขึ้นมาโชว์เป็นต้น
- หน้าจอ Toy Story ดุ๊กดิ๊ก เอาไว้เล่นเก๋
- Activity จะท้าทายคุณมากขึ้น ไปท้าทายกับเพื่อนๆ ได้ด้วย
- Workout มีรูปแบบการออกกำลังกายให้เลือกเยอะขึ้น ที่สำคัญคือสามารถเชื่อต่อกับอุปกรณ์ใน Fitness ได้ผ่าน NFC คล้าย Ant+ ของ Garmin แต่ต้องดูว่าผู้ผลิตอุปกรณืจะเล่นด้วยมากน้อยแค่ไหน
- Apple Music บน Apple Watch ตอนนี้ลิงค์กับ AirPods ได้แล้ว เพิ่มลูกเล่นอีกนิดหน่อยพวก Full Screen , Bluetooth , ระบบนำทาง
จะใช้ได้ช่วงกันยานี้คาดว่าน่าจะมาพร้อม iPhone ใหม่ ที่งานนี้ไม่ได้พูดถึง
3.) macOS ไม่หวือหวามาก มีการออกเวอร์ชั่นใหม่ในชื่อ High Sierra เดิมคือ Sierra เฉยๆ บ่งบอกว่ามันคือตัวอัปเกรด ส่ิงที่เพิ่มขึ้นมาคือ
- Safari Web Browser ที่เร็วสุดในสามโลก (เฉพาะบน Mac นะ 555)
- Autoplay Blocking ป้องกันเว็บที่ชอบเล่นวิดีโอเอง
- Intelligent Tracking Prevention ป้องกันพวกโฆษณาที่ติดตามเรา
- mail ตอบเมล์แบบ Spilt View ได้แล้ว และลดการใช้พื้นลง 35%
- Photos ค้นหาข้อมูลได้มากขึ้นเช่น วันที่ คน สามารถแต่งรูปภาพได้น้องๆ Photoshops และยังสร้างเป็นโฟโต้บุ๊กได้(อีกครั้ง)
- File System ใหม่ชื่อว่า Apple File Apps ที่ก็อปปี้ไฟล์เร็วขึ้น และ แก้ปัญหาเวลาก็อปปี้เลือก Replace หรือ Merge
- Video รองรับถึง H.265 เข้ารหัส 4K ได้เล็กลง 40%
- GPU มีการเพิ่ม Metal 2 ที่เคลมว่าเร็วขึ้น 10 เท่า มีการทำงานร่วมกับ Machine Learning อันนี้น่าสนใจ แล้วก็ลามไปถึงการทำงานร่วมกับ VR รวมถึง Final Cut Pro ตอนนี้ตัดต่อ VR และ Stream VR ได้ เดโมเมื่อคืนมีโชว์ตัดต่อสดแหล่มมาก
และแน่นอน ฟรี!!! แต่ต้องเป็น Macbook รุ่นตั้งแต่ปี 2009 – 2010 ขึ้นไป นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัว iMac และ Macbook ใหม่
- iMac เปิดตัวใหม่ 3 รุ่น มาพร้อมซีพียูใหม่ Kaby Lake หรือ Intel Core 7Gen โดยรุ่นแรก iMac 21.5″มากับชิปกราฟฟิก Intel Iris Plus Graphic 640 ราคาประมาณ 38,000 บาท รุ่นกลาง iMac Retina 4K มาพร้อมชิปกราฟฟิก Redeon Pro 555&560 ราคาประมาณ 45,000 บาท ส่วนรุ่นใหญ่ iMac Retina 5K จะเป็น Redeon Pro 570&580 ราคาประมาณ 63,000 บาท
- Macbook ที่เพิ่งเปิดตัวไปรอบที่แล้ว รอบนี้เลยไม่มีอะไรมาก แค่เปลี่ยนซีพียูไปใช้ Kaby Lake อัปเกรด SSD ใหม่เร็วขึ้นกว่าเดิม และรุ่น macbook pro 15 นิ้ว มีปรับชิปกราฟฟิกใหม่ สนนราคาตั้งแต่ 45,000 บาทไปจนถึงรุ่นใหญ่ 82,000 บาท (แพงกว่า iMac อีก)
- iMac Pro อวสานหม้อหุงข้าวหรือเปล่าไม่รู้ แต่กลายเป็นว่า Mac Pro เดิมถูกย้ายเข้ามาอยู่ในตระกูล iMac เสียเเล้ว ซึ่งเค้าบอกว่ามันลำบากที่ต้องไปหาจอหาอุปกรณ์มาใส่เพิ่ม จัดเป็นเซ็ทกินรวบตามสไตล์ Apple ง่ายกว่า ในชุดก็จะมีตัวเครื่อง เมาส์ใหม่ในสี Space Grey และ คีย์บอร์ดแบบ FullSize อันนี้ร้องกรี๊ดเลย สเปคแน่นอนเป็นเรือธงก็ต้องไม่ธรรมดาซีพียูเป็น Intel Xeon สูงสุด 18Core (น่าจะใส่ 2 ตัว 10/8 Core) กราฟิกเป็น AMD Radeon Pro Vega ที่ยังไม่เปิดตัวแต่มีข้อมูลคร่าวๆ ประมวลผลได้เร็วถึง 22 teraflops มีแรมให้ 32 GB แบบ ECC เพิ่มได้ถึง 128GB หน่วยความจำ SSD ขนาด 1TB สูงสุด 4TB หน้าจอ 27″ 5K ต่อจอนอกได้ 5K 2 ตัว และ Lan 10 Gbps รุ่นนี้เขาบอกเลยว่า ตัวต่อ 4K แบบไม่ต้องรอเรนเดอร์จ้าจะไวอะไรปานนั้น สนนราคาคร่าวๆ ประมาณ 180,000 บาท
4.) iOS งานนี้เปิดตัว iOS 11 ตามคาด
- iMassage เก็บข้อความใน iCloud ได้แล้ว แถมยังแสดงผลกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้แบบไร้รอยต่อ ส่ง Gift Card มีสติ๊กเกอร์ หรือโอนเงินผ่าน Apple Pay ได้ด้วย แต่บ้านเรา Apple Pay ยังไม่มาอะ
- Apple Pay จ่ายเงินผ่านบัตร โอนเงินรับเงิน ได้สะดวกกว่าเดิม
- Siri รองรับได้หลายภาษาขึ้น แปลภาษาจากคำพูดได้เลย (และแน่นอนบ้านเรายังไม่รองรับ) ทำงานแบบออฟไลน์ และเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้หลากหลายทำงานได้มากขึ้น แต่ก็ยังไม่เปิด Api ให้ใช้อิสระเสียทีนะ ที่สำคัญเค้าพัฒนาให้ Siri เรียนรู้การใช้ชิวีตของเรามากขึ้น เพื่อตอบสนองการใช้งานของเราให้สะดวกและรวดเร็วกว่าเดิม
- Camera ใช้ Codec ตัวใหม่ HEVC ที่ทำให้ไฟล์เล็กลง 2 เท่า
- Photos เพิ่ม Portail Mobile สามารถแต่งรูป เลือกรูปจาก Live Photos ได้ ทำภาพแบบแอปมูมเมอร์แรงได้เลย แก้ไขภาพรวมถึง ดึงภาพจาก Live Photos มาทำเป็นภาพแบบ Long exposure ได้ ถ่ายภาพน้ำตกที่มีสายน้ำพลิ้วๆ ได้จากมือถือเปล่าๆ ไม่ต้องมีขาตั้งหรืออุปกรณ์อะไรเพิ่มทั้งสิ้น
- Control Center รวมทุกอย่างในหน้าเดียวไม่ต้องสไลด์ซ้าย-ขวาแล้ว กดขยายให้ใหญ่ขึ้นได้รองรับ 3D Touch และตอนนี้สามารถเปิดฮอตสอปร์ตจาก Control Center ได้เเล้ว
- Navigation เพิ่ม indoor map แต่บ้านเรายังไม่มีอีกเช่นกัน ปรับปรุงเรื่องการนำทาง แนะนำช่องจราจร บอกความเร็วที่กฏหมายกำหนด และสามารถตรวจจับได้ว่าเรากำลังขับรถอยู่หรือไม่ ซึ่งหากขับรถอยู่จะแจ้งเตือนไม่ให้เราใช้มือถือ (ไม่นานมานี้เพิ่งโดนผู้ใช้ฟ้อง เพราะแกดูมือถือขณะขับรถแล้วรถเกิดอุบัติเหตุ แกเลยโมโหว่าไม่เห็นมีเตือนว่าห้ามใช้)
- Home Kit สามารถเปิดเพลงหลายๆ ห้องซึ่งแยกเพลงกันได้ ทำทำงานร่วมกับ AirPlay 2
- Apple Music แชร์ Playlist ให้เพื่อนดูได้
- Apps Store เพิ่มความปลอดภัยและการ Review Apps ก่อนโหลดปรับดีไซน์ใหม่
- Machine Learning ทำให้เครื่องประมวลผลได้รวดเร็วฉลาดขึ้น รวมถึงการจัดการเทคโนโลยีได้ดีขึ้น
- AR ช่วยในการถ่ายภาพวัตถุได้เสมือนจริงมากขึ้น
- iPad สามารถเลือก Multi Select ได้ เพิ่มมุมมองแบบ Split View ได้มากกกว่า 1 apps ผ่าน Apps Switcher และยังลากไปมาระหว่างโปรแกรมได้
- File แอปจัดการไฟล์สำหรับ iOS มาแล้ว(น่าจะมาตั้งนานแล้ว) ลิงค์กับ Cloud ได้ด้วย
- Markup สร้าง PDF ผ่าน iPad ได้
- Note เพิ่ม Instant Note ใช้กับ Apple Pencil, Inline Draw
ตอนนี้ปล่อยให้นักพัฒนาได้ทดสอบแล้ว สำหรับบุคคลทั่วไปก็รอกันหน่อยคงอีกไม่นาน
5.) iPAD เปิดตัว iPad Pro 10.5″ ใหม่ หน้าจอใหญ่ขึ้นขอบเล็กลงแต่ยังมีปุ่ม Home อยู่ หน้าจอตัวนี้ตอนสนองภาพดีขึ้น 2 เท่า เป็น 120Hz ซีพียู A10X 6 Core เร็วขึ้นกว่าเดิม 30% , GPU 12 Core เร็วขึ้นกว่าเดิม 40% มี Smart Connector ใช้งานกับ Apple Pencil ได้ด้วย ที่สำคัญกล้องตัวนี้ใช้ตัวเดียวกับ iPhone 7 ความละเอียด 12 MP บันทึกวิดีโอระดับ 4K ที่ 30 fps กล้องหน้า 7MP บันทึกวิดีโอระดับ HD 720p
มีให้เลือก 4 สี Siver, Gold, Rose Gold, Space Grey ราคาเริ่มต้นที่ 23,000 บาท
6.) Homepod เป็นลำโพงอัจฉริยะสำหรับความบันเทิงในบ้านโดย เชื่อมต่อกับ Apple Music สั่งงานผ่าน Siri ก็ได้ ใช้ให้ Siri อ่านข่าว คำนวณง่ายๆ อ่านข้อความ ตั้งปลุก บอกสภาพอากาศการจราจร ฯลฯ
ภายใน HomePod มีลำโพง 7 ดอกรอบทิศทาง พร้อม Subwoofer เห้นเล็กๆ อย่างนี้เขาว่าเสียงแจ่มมาก
ใครที่สนใจจะเปิดขายเดือน ธันวาคมนี้ ในราคาประมาณ 12,000 บาท แต่มีขายเฉพาะใน ออสเตรเลีย อังกฤษ และ สหรัฐอเมริกา เท่านั้น