กรุงเทพฯ: 29 สิงหาคม 2554: บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด ผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดคอมพิวเตอร์โดยรวมในประเทศไทย โชว์โน้ตบุ๊กสายพันธุ์แกร่งรุ่นใหม่ล่าสุด Acer TravelMate 8481 Series ให้คุณได้ตะลึงกับความแข็งแกร่ง ต่างจากรูปลักษณ์ภายนอกที่บางเฉียบเพียง 18 มิลลิเมตร
พร้อมพบกับผลิตภัณฑ์กลุ่มคอมเมอร์เชียลใหม่ยกชุดกว่า 10 ซีรีย์ ทั้งพีซี โน้ตบุ๊ก ออลอินวัน และล่าสุดกับแท็ปเลตรองรับ 3G รุ่นล่าสุด พร้อมปฏิวัติโครงสร้างตัวเครื่องแบบเดิมๆ ให้มีความ ทนทาน เปี่ยมด้วยสมรรถณะพร้อมใช้งานได้ทุกสถานที่ และออกแบบโครงสร้างภายในรองรับการใช้งานที่ยาวนานกว่า ตอบโจทย์ตลาดองค์กรธุรกิจครบทุกกลุ่มได้อย่างสมบูรณ์แบบ
นายบุญชัย ดำรงวงศ์สกุล ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายผลิตภัณฑ์คอมเมอร์เชียล บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันนี้คนส่วนใหญ่รวมถึงพนักงานในองค์กรธุรกิจใช้เวลากับอุปกรณ์โมบิลิตี้มากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทโฟน โน้ตบุ๊ก แท็ปเลต เป็นต้น เพื่อใช้ในการเข้าถึงเว็บไซต์ การค้นหาข้อมูล และเชื่อมต่อโซเชียลเน็ตเวิร์คต่างๆ ซึ่งการใช้งานดังกล่าวในระดับองค์กรก็ไม่ต่างกัน และได้มาถึงจุดที่ความต้องการใช้งานและเทคโนโลยีผสานกันอย่างลงตัวที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเร็วอินเทอร์เน็ตบอร์ดแบนด์ในระบบ 3G ผนวกเข้ากับอุปกรณ์โมบิลิตี้ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ที่สามารถรองรับการใช้งานได้อย่างพรั่งพร้อม และนี่คือจุดที่เอเซอร์ในฐานะผู้นำตลาดคอมพิวเตอร์คัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า
“เอเซอร์ยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมของผลิตภัณฑ์ในกลุ่มคอมเมอร์เชียล โดยเฉพาะความต้องการในเรื่องของสมรรถณะ ความปลอดภัย อายุการใช้งานเครื่องและแบตเตอรี่ที่ยาวนาน เหมาะกับการทำงานได้ทุกที่ ทุกเวลา ในสภาพแวดล้อมทั้งในและนอกสถานที่ พร้อมผนวกโซลูชั่นที่มาพร้อมกับตัวเครื่อง ทั้งส่วนของการบริหารจัดการข้อมูล การตั้งค่าที่สะดวกและง่ายดาย รวมถึงระบบป้องกันความปลอดภัยของเครื่องโน้ตบุ๊กและพีซีด้วยโปรแกรม Acer Pro Shield Security ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่เราพัฒนามาให้ลูกค้าเอเซอร์โดยเฉพาะ”
นายบุญชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ในวันนี้เรามีความภูมิใจที่จะนำเสนอโน้ตบุ๊กสายพันธุ์แกร่ง Acer TravelMate 8481 Series หน้าจอ14 นิ้ว เพิ่มพื้นที่การให้ภาพแบบเต็มจอในกรอบพื้นที่เท่ากับหน้าจอ 13 นิ้ว ซึ่งปฏิวัติทุกความคาดหมายด้วยรูปร่างที่บางเฉียบเพียง 18 มิลลิเมตร มาพร้อมกับความแข็งแกร่ง ทนทาน ด้วยตัวฝาเครื่องที่ผลิตจากวัสดุคาร์บอน ไฟเบอร์ ให้น้ำหนักเบาเพียง 1.5 กิโลกรัม พร้อมด้วยบานพับเปิดปิดฝาเครื่องที่ออกแบบมาให้มีความยืดหยุ่นเป็นพิเศษผลิตจากวัสดุเมทอล อัลลอย (Metal Alloy Hinge) พร้อมความอึดในการทำงานที่ยาวนานขึ้นถึง 6.5 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ ด้วยแบตเตอรี่ขนาด 4 เซลล์ และยืดอายุการชาร์จแบตเตอรี่ได้นานถึง 1,000 ครั้งขึ้นไป และเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนได้ดีขึ้นด้วยเทคโนโลยี Acer DustDefender ทำให้อายุการใช้งานของโน้ตบุ๊กยาวนานกว่าเดิมมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ด้านความแรงของเครื่องก็ไม่น้อยหน้า ด้วยพลังซีพียู Intel CoreTM i5-2467M ฮาร์ดดิสก์ 320GB และรองรับ RAM DDR3 สูงสุด 4GB พร้อมติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 7 Professional มาพร้อมกับตัวเครื่อง เพิ่มความสะดวกในการพิมพ์มากยิ่งขึ้นด้วยปุ่มคีย์บอร์ดแบบ Acer FineTouch ขยายใหญ่ขึ้นเป็น 2.3 มิลลิเมตร และทัชแพดขนาดใหญ่ขึ้นแบบ Multi-Gesture โดยวางจำหน่ายในราคาเริ่มต้นที่ 26,900 บาท (ราคาไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%)
นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ในกลุ่มคอมเมอร์เชียลอีกกว่า 10 ซีรีย์ แบ่งเป็น โน้ตบุ๊ก 3 ซีรีย์ ได้แก่ ทราเวลเมท ซีรีย์ 4, ซีรีย์ 6 และซีรีย์ 8 ส่วนเดส์กท๊อปมีทั้งหมด 5 ซีรีย์ ได้แก่ เอ็ม ซีรีย์, เอส ซีรีย์, เอ็กซ์ ซีรีย์, แอล
ซีรีย์ และ เอ็น ซีรีย์ ที่มาพร้อมกับนวัตกรรมเพื่อยืดอายุการใช้งานของเมนบอร์ดเพิ่มขึ้น 50% หรือประมาณ 100,000 ชั่วโมง พร้อมด้วยโซลูชั่น Veriton Control Center ช่วยให้ฝ่ายไอทีสามารถตั้งค่าระบบ และตรวจเช็คการทำงานของพนักงาน รวมถึงการโอนถ่ายข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีระบบ Acer System Management หรือ ASM ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้ฝ่ายไอทีบริหารจัดการระบบได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น
ด้านผลิตภัณฑ์ออลอินวันเดสก์ท๊อปแบ่งเป็น 2 ซีรีย์ ได้แก่ แซส 4 ซีรีย์ หน้าจอขนาด 21.5 – 23 นิ้ว และ แซส 2 ซีรีย์ ขนาดหน้าจอ 18 – 20 นิ้ว นอกจากนี้ยังมีแท็ปเลตที่มากับระบบปฏิบัติการวินโดวส์ ได้แก่ ICONIA TAB W500 และใหม่ล่าสุดกับ ICONIA TAB W501 ผนวกความแรงด้วยระบบ 3G
“ด้านการให้บริการเรามีศูนย์ให้บริการเอเซอร์แคร์ และบริการลูกค้าถึงสถานที่ทั่วประเทศ โดยในต่างจังหวัดเรามีศูนย์บริการภาคด้วยการจับมือกับพาร์ตเนอร์เพื่อให้บริการลูกค้าอย่างทั่วถึงและการรับประกันสินค้าภายใน ประเทศ 3 ปีเต็ม นอกประเทศ 1 ปี พร้อมประกันภัยสินค้าหากถูกโจรกรรม และจากภัยพิบัติต่างๆ 1 ปีเต็ม สำหรับกลุ่มลูกค้าของเอเซอร์แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ ภาครัฐ และองค์กร เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต ธนาคาร สื่อสาร และภาคการศึกษา เป็นต้น
– โดยเอเซอร์คาดว่าส่วนแบ่งตลาดคอมเมอร์เชียลในปีนี้อยู่ที่ประมาณ 20 % สำหรับ เดสก์ท๊อป
– และ 25% สำหรับโน้ตบุ๊ก สำหรับส่วนแบ่งการตลาดในช่วงไตรมาสแรกในปี 2011
– ไอดีซีระบุว่าเอเซอร์มีส่วนแบ่งการตลาดพีซีโดยรวม 26% โดยผลิตภัณฑ์ในกลุ่มคอมเมอร์เชียลของเอเซอร์
– โน้ตบุ๊กมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 22% และเดสก์ท๊อป 16%” นายบุญชัย กล่าวสรุป
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เอเซอร์ คอลล์ เซ็นเตอร์ ที่เบอร์โทรศัพท์ 0 2685 4311 หรือติดต่อสอบถามด้านเทคนิคที่เบอร์โทรศัพท์ 0 2685 4355 หรือคลิกไปที่ www.acer.co.th