คิดก่อนซื้อ…เลือกก่อนใช้ เลือกซื้อปรินเตอร์อย่างไรถึงจะ “ใช่เลย”

HP Deskjet Ink Advantage 6525 (Custom)

โดย เปี๊ยก ว.2

ปรินเตอร์นับเป็นอุปกรณ์ไอทีอีกชนิดหนึ่งที่คนทั่วไปรู้สึกว่ามันเลือกซื้อยากพอๆ กับพีซีหรือโน๊ตบุ๊คเลยทีเดียว แม้แต่คนไอทีเองบางครั้งก็เลือกไม่ถูกหรือแนะนำได้ไม่ตรงใจคนซื้อ ไฉนถึงเป็นเช่นนั้น แล้ว PCToday มีคำแนะนำในการเลือกซื้อปรินเตอร์ดีๆ มั้ยล่ะ…มีแน่ครับ

HP Officejet 7110 Wide Format ePrinter_r

จริงๆ แล้วปรินเตอร์ก็เหมือนกับอุปกรณ์ไอทีอื่นๆ คือถ้ารู้ความต้องการของเรา และรู้ความสามารถของสิ่งที่ต้องการซื้อ (ราคาก็มีส่วนนะ) ก็น่าจะหาจุดดุลยภาพได้ หลายๆ คนดูจะมีปัญหากับการเลือกซื้อปรินเตอร์ อย่างแรกคือเพราะไม่รู้ว่าจะซื้อปรินเตอร์ไปทำอะไรบ้าง แน่นอนว่าเวลาเราจะซื้อปรินเตอร์ (เช่นเดียวกับสิ่งของอย่างอื่นน่ะครับ) เราย่อมต้องมีเหตุผลอยู่ในใจซักข้อ เช่นว่า ซื้อไปปรินท์งานทำรายงาน ปรินท์รูป หรือใช้ประกอบธุรกิจ แต่ปัญหามักจะเกิดเมื่อคิดเลยไปถึงเผื่อในอนาคต จริงๆ การคิดเผื่อขาดเผื่อเหลือเป็นเรื่องดีครับ แต่มันต้องอยู่ในกรอบของเหตุผลและความเป็นไปได้ ถ้าปกติใช้พิมพ์รายงานหรืองานเอกสารเป็นหลัก แต่นึกๆ ไปก็อยากได้ที่ปรินท์สีได้…อ๊ะๆๆ เอาที่ปรินท์รูปได้เลยดีมั้ย…เอ้อ เอาแบบที่มีพอร์ต Ethernet ด้วยก็ดีจะได้แชร์ปรินเตอร์ได้…อื้อ เอาเป็น All-in-one ไปเลยกว่ามั้ย เห็นมั้ยครับว่าถ้าคิดมากไปมันก็จะยิ่งบานปลาย

ปัญหาอย่างที่สองคือไม่รู้เกี่ยวกับปรินเตอร์ ไอ้ปัญหาอย่างแรกนั้นมันเกิดกับคนซื้ออย่างเดียว แต่ข้อนี้อาจเกิดได้กับทั้งคนซื้อและคนขายซึ่งถ้าเป็นอย่างหลัง…ก็กรรมล่ะครับ คนซื้ออย่างเราๆ ท่านๆ นั้นควรจะมีความรู้เกี่ยวกับปรินเตอร์ติดพกก่อนออกจากบ้านไปซื้อปรินเตอร์ ผมแปลกใจที่คนจำนวนไม่น้อยนึกอยากซื้อปรินเตอร์ก็บึ่งออกจากบ้านไปซื้อเลย แต่เวลาจะซื้อคอมฯ (โดยเฉพาะโน๊ตบุ๊ค) หรือมือถือเนี่ยจะได้เวลาศึกษาค่อนข้างนาน…ซึ่งก็เป็นเรื่องดี บางคนอาจจะบอกว่าก็โน๊ตบุ๊คกับมือถือราคามันไม่ใช่ถูกๆ นิ…จะซื้อทีต้องคิดหนักๆ นั่นแหละครับคือสิ่งที่ผมอยากให้ทุกท่านทำก่อนออกจากบ้านไปซื้อปรินเตอร์ ของมันจะถูกจะแพง…แต่มันก็คือเงินทั้งนั้นล่ะครับ

หลายคนบอกว่าไม่จำเป็นต้องหาศึกษาหาข้อมูลก่อนหรอก เดี๋ยวพนักงานขายก็ช่วยอธิบายช่วยแนะนำให้เองแหละ ถ้าไปเจอคนที่รู้จริงผมไม่เถียงเลยครับ แต่ใครจะรู้ว่าพนักงานขายที่เราไปเจอจะรู้มากกว่าเราซักแค่ไหน พี่ๆ น้องๆ เซลล์อย่าเพิ่งโกรธนะครับ…มันไม่ใช่อย่างนั้นซะหมด ทว่าผมต้องพูดเพราะมันมีความเป็นไปได้และถ้าคนซื้อไปเจอคนขายที่ไม่ได้มีความรู้มากกว่ากันเท่าไหร่ ความหวังสุดท้ายก็จะอยู่ที่แผ่นโฆษณาหรือโบรชัวร์ ทีนี้พอซื้อมาแล้วจะถูกใจหรือเปล่าก็ไม่มีใครรู้จนกว่าจะเริ่มใช้…ซึ่งบางทีก็สายไปแล้ว จริงๆ ที่ปรินเตอร์ไม่ได้เลือกซื้อยากหรอกครับ ประเด็นอยู่ที่จะเลือกอย่างไรให้เหมาะสมกับความต้องการหรือการใช้งานมากกว่า PCToday มีคำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่ยากเกินไปมาบอก อ่านแล้วลองดูนะครับว่าจะช่วยให้การเลือกซื้อปรินเตอร์เป็นไปได้อย่างราบรื่นขึ้นหรือเปล่า

HP Deskjet Ink Advantage 5525 (Custom)

2 คิด…10 รู้ สู่การเลือกซื้อปรินเตอร์แบบมืออาชีพ

คิด 1 คิดถึงความต้องการของตัวเอง

อย่างที่บอกไปว่าปัญหาหนึ่งที่ทำให้การเลือกซื้อปรินเตอร์เป็นเรื่องยากคือคนซื้อไม่รู้ความต้องการที่แน่ชัดของตัวเอง เวลาจะซื้อปรินเตอร์และของอื่นๆ นั้นขอให้คิดถึงความต้องการใช้งาน ณ ปัจจุบันก่อนเป็นอันดับแรก เพราะของที่ซื้อมาย่อมต้องซื้อมาใช้งาน…ไม่ใช่ซื้อมาเก็บ นอกจากว่าความต้องการคือซื้อมาเพื่อเก็บไว้จริงๆ แล้วความต้องการนั้นคืออะไรล่ะ ในกรณีของปรินเตอร์ของคิดย้อนไปจากอดีตจนถึงปัจจุบันว่าเราปรินท์อะไรบ้าง งานเอกสารขาวดำ ปรินท์สี ปรินท์รูป แล้วพยายามนึกต่อไปว่าแต่ละอย่างนั้นมีสัดส่วนเท่าไหร่ เช่น ปรินท์งานเอกสารขาวดำมากที่สุด รองลงมาคือปรินท์สี หรือเอาแบบง่ายที่สุดคือให้คิดเฉพาะว่าเราปรินท์แบบไหนบ่อยที่สุด…แล้วมันจะนำไปสู่ปรินเตอร์แบบที่เราต้องการจริงๆ

ส่วนการคิดเผื่อใช้งานในอนาคตนั้นถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องคิด เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วเราจะคิดไปถึงงานพิมพ์ที่แตกต่างจากความต้องการปัจจุบัน ซึ่งมักจะนำไปสู่ปรินเตอร์อีกประเภทหนึ่ง ให้คิดซะว่าถ้าเกิดต้องใช้จริงๆ แต่ไม่มากมายก็ค่อยไปจ้างเค้าปรินท์ แต่ถ้าต้องใช้มากๆ ก็ค่อยไปซื้อมันก็ไม่สายเกินไป เพราะใครจะรู้ว่าในอนาคตอาจจะมีเทคโนโลยีใหม่ที่ดีกว่าเก่าหรือราคาอาจจะลดลงจากปัจจุบันเสียอีกก็เป็นได้

คิด 2 อิงค์เจ็ตหรือเลเซอร์

จริงๆ ปรินเตอร์มีหลายแบบมากกว่าแค่อิงค์เจ็ตหรือเลเซอร์ แต่ปรินเตอร์ที่นอกเหนือจากนี้นั้นเหมาะจะเอาไปใช้งานเฉพาะทางของมันมากกว่า เช่น Dot Matrix นั้นจะเหมาะกับกระดาษต่อเนื่องซึ่งเราไม่ได้ใช้กันในชีวิตประจำวัน ปรินเตอร์อิงค์เจ็ตและเลเซอร์นั้นสามารถตอบสนองงานได้หลายประเภทมากกว่าและสนนราคาก็จับต้องได้มากกว่าด้วย

– อิงค์เจ็ต

ปรินเตอร์แบบอิงค์เจ็ตนั้นเหมาะกับงานทั่วไปแทบทุกประเภท แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นในด้านใดซักด้าน พูดง่ายๆ คือเก่งเรื่องงานจับฉ่ายแต่เอาดีซักด้านไม่ค่อยได้ อย่าเพิ่งคิดว่าปรินเตอร์อิงค์เจ็ตไม่ดีนะครับ เพราะมันมีตั้งแต่ราคาถูกขนาดที่ว่าซื้อโน๊ตบุ๊คก็มีแถมให้ฟรีๆ ไปถึงเรือนหมื่น คนหัวเก่าๆ อาจจะคิดว่าอิงค์เจ็ตนั้นจะได้งานที่ไม่คมชัดไม่มีคุณภาพ แต่นั้นก็ขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัย โดยหลักๆ อยู่ที่เทคโนโลยีซึ่งทุกวันนี้ก้าวไปไกลว่าวันเก่าๆ มากแล้วทำให้ปรินเตอร์อิงค์เจ็ตก็สามารถปรินท์ออกมาได้คมชัดไม่แพ้เลเซอร์ แต่ส่วนหนึ่งก็อยู่ที่ตัวกระดาษที่เราใช้ด้วย ถ้ากระดาษเนื้อยุ่ยหรือมีขนก็มีความเป็นไปได้ที่งานออกมาจะไม่เรียบร้อย แต่ถ้าเลือกใช้ปรินเตอร์อิงค์เจ็ตดีๆ กับกระดาษดีๆ เราก็สามารถปรินท์ได้แม้กระทั่งรูปถ่ายระดับใกล้เคียงกับร้านถ่ายรูปเลยนะครับ และด้วยความที่มันสามารถพิมพ์ได้ทั้งงานสีและขาวดำทำให้มันสามารถใช้ได้กับงานทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นงานเอกสารยันพิมพ์รูปอย่างที่บอกไป

01

ข้อเสียของปรินเตอร์อิงค์เจ็ตถ้าไม่นับเรื่องคุณภาพที่ขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัย ก็จะมีเรื่องค่าใช้จ่ายที่เป็นปัญหามากที่สุด จริงอยู่ที่ตัวปรินเตอร์นั้นมีตั้งแต่ราคาถูกยันแพง แต่ตัวน้ำหมึกนั้นมีราคาค่อนข้างสูงโดยเฉพาะเมื่อคำนวณจากต้นทุนการพิมพ์ต่อแผ่น ยิ่งเราตั้งให้ปรินเตอร์ปรินท์ด้วยคุณภาพที่สูงเท่าไหร่มันก็จะยิ่งใช้น้ำหมึกมากเท่านั้น แต่ถ้าเราพยายามประหยัดหมึกผลคือคุณภาพงานก็จะลดลงไปด้วย ในบ้านเรานั้นมักจะแก้ปัญหาด้วยการติดแทงค์ ทว่าปัญหาคือมันจะมีผลต่อการรับประกัน ปรินเตอร์แบบอิงค์เจ็ตนั้นถ้าไม่ใช้งานนานๆ จะมีปัญหาเรื่องหมึกแห้ง หัวตัน ซึ่งต่อให้เป็นปรินเตอร์ราคาแพงขนาดไหน จะติดแทงค์หรือไม่ติดแทงค์ ก็ยังคงเป็นปัญหาอยู่เหมือนเดิม

สรุปว่าถ้าเน้นปรินท์งานทั่วไปไม่เน้นคุณภาพเลิศเลอ และใช้งานอยู่เป็นประจำ ปรินเตอร์อิงค์เจ็ตคือคำตอบสำหรับคุณครับ

เลเซอร์

ปรินเตอร์เลเซอร์นั้นใช้เทคโนโลยีต่างจากอิงค์เจ็ต คือแทนที่จะใช้น้ำหมึกพ่นลงบนกระดาษ ก็ใช้ผงหมึกกับสนามแม่เหล็กไฟฟ้าและความร้อนทำให้ผงหมึกไปติดบนกระดาษแทน ผลที่ชัดเจนที่สุดคือคุณภาพของงานจะดีกว่าปรินเตอร์อิงค์เจ็ตมาก ต่อให้เป็นปรินเตอร์เลเซอร์ราคาถูกที่สุดก็ยังปรินท์ได้คมกว่าปรินเตอร์อิงค์เจ็ตราคาแพงบางตัวเสียอีก จุดเด่นอีกอย่างของปรินเตอร์เลเซอร์อยู่ที่ความเร็วซึ่งสูงกว่าอิงค์เจ็ต ความเร็วของปรินเตอร์เลเซอร์เวลาตั้งคุณภาพงานระดับดีก็ยังเร็วพอๆ หรือเร็วกว่าปรินเตอร์อิงค์เจ็ตที่พิมพ์ที่คุณภาพต่ำสุดเสียอีก ปรินเตอร์เลเซอร์เคยมีจุดอ่อนเรื่องราคาไม่ว่าจะเป็นตัวเครื่องหรือโทนเนอร์ (หมึก) แต่ปัจจุบันมีปรินเตอร์เลเซอร์ราคาถูกอยู่มากมายและคุณภาพก็ไม่ได้ถูกตามราคาด้วย ส่วนโทนเนอร์นั้นแม้จะยังมีราคาแพง (บางครั้งแพงพอๆ หรือแพงกว่าตัวเครื่องเสียอีก) แต่ต้องจำไว้ว่าโทนเนอร์นั้นไม่มีแห้งไม่มีติดกรังเหมือนอิงค์เจ็ต ถ้าไม่ได้ใช้นานๆ ก่อนจะใช้ก็เอาโทนเนอร์ออกมาเขย่าซักหน่อยก็ปรินท์ได้นิ๊งเหมือนใหม่ อีกเรื่องคือต้นทุนการพิมพ์ต่อแผ่นซึ่งต่ำกว่าอิงค์เจ็ตมาก ทั้งนี้เนื่องจากโทนเนอร์นั้นสามารถพิมพ์ได้เป็นพันๆ (หรือบางทีเป็นหมื่นก็มี) หน้าและมีอายุการใช้งานนานมากๆ เมื่อหารราคาโทนเนอร์ด้วยระยะเวลาการใช้งานหรือไม่ก็จำนวนหน้าที่พิมพ์จะพบว่ามันต่ำกว่าปรินเตอร์อิงค์เจ็ตที่ต้องเติมหมึกอยู่บ่อยๆ มากเลยทีเดียว

02

จุดด้อยของปรินเตอร์เลเซอร์อยู่ที่การใช้ที่ไม่รอบด้านเท่าปรินเตอร์อิงค์เจ็ต ส่วนหนึ่งมาจากการที่ปรินเตอร์เลเซอร์ส่วนใหญ่เป็นแบบขาวดำ ปรินเตอร์เลเซอร์สีนั้นราคาต่ำลงกว่าแต่ก่อนมาก ทว่าถ้าเป็นงานพิมพ์สีนั้นคุณภาพและความคุ้มค่ายังสู้ปรินเตอร์อิงค์เจ็ตไม่ได้ เพราะว่าปรินเตอร์เลเซอร์สีทั่วไปมีข้อจำกัดเรื่องการไล่เฉดสีและความร้อน ส่วนปรินเตอร์เลเซอร์สีที่ทัดเทียมกับปรินเตอร์อิงค์เจ็ตได้นั้นก็มักเป็นระดับโปรฯ ซึ่งราคาสูงไม่ใช่เล่น

สรุปว่าถ้าส่วนใหญ่พิมพ์งานเอกสารขาวดำ หรือพิมพ์เอกสารสีเป็นบางครั้ง และเน้นที่ความคมชัด ความเร็ว ใช้งานไม่แน่ไม่นอน (คือบางทีก็ใช้บ่อย บางทีก็ไม่ได้ใช้เลย) ปรินเตอร์เลเซอร์คือคำตอบของคุณครับ

10 รู้คู่ความคิด

คิดอย่างเดียวไม่อาจไปถึงจุดหมายได้แต่ต้องรู้ด้วย PCToday เลือกข้อควรรู้บางข้อที่จำเป็นต่อการเลือกซื้อปรินเตอร์มาบอกกล่าวกัน

รู้ 1 ความละเอียดหรือ DPI: ความละเอียดของงานพิมพ์นั้นวัดกันด้วยจำนวนจุดต่อตารางนิ้วหรือ Dot per Inch (DPI) หลักการก็คล้ายๆ กับจอมอนิเตอร์หรือจอมือถือล่ะครับ คือยิ่ง DPI มากภาพก็จะคม งานจะสวย แต่ยิ่ง DPI มากก็ยิ่งใช้หมึกมากตามไปด้วย 150 DPI นั้นถือเป็นระดับ Draft ซึ่งเหมาะกับการพิมพ์เค้าร่าง ความละเอียดที่เหมาะสมกับงานเอกสารที่ให้ตัวอักษรคมชัดคือ 300 DPI ขึ้นไป ปรินเตอร์อิงค์เจ็ตนั้นจะมี DPI ที่ประมาณ 300-600 แต่รุ่นดีๆ (และแพงๆ) จะสูงถึง 1000 DPI ขึ้นไปเลยก็มี ส่วนปรินเตอร์เลเซอร์นั้นมักจะมี DPI เริ่มต้นที่ 600 รุ่นดีหน่อยอาจจะมี DPI สูงถึง 2000 ขึ้นไปเลยก็มี ทว่าถ้าไม่ได้ซื้อปรินเตอร์ไปปรินท์รูปก็ไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่อง DPI เท่าไหร่เพราะ DPI ขึ้นต่ำของปรินเตอร์สมัยนี้นั้นเพียงพอต่อการใช้งานเอกสารแบบสบายๆ อยู่แล้ว (แต่ปรินท์แบบโฟโต้จะต้องการ DPI ที่สูงดังนั้นต้องศึกษาเพิ่มให้ดีๆ)

1200dpi printing

รู้ 2 ความเร็ว: ความเร็วในการพิมพ์นั้นมักจะมีหน่วยเป็นจำนวนหน้าต่อนาทีหรือ Page per Minute (PPM) ยิ่ง PPM มากก็ยิ่งดี แต่ต้องไม่ลืมว่าความเร็วนั้นขึ้นอยู่กับหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นประเภทงาน ความละเอียด คุณภาพ/ประเภทของกระดาษ เวลาจะเปรียบเทียบปรินเตอร์ที่ความเร็วนั้นต้องเปรียบเทียบบนพื้นฐานเดียวกันนะครับ

รู้ 3 การเชื่อมต่อ: พอร์ตที่เชื่อมต่อกับปรินเตอร์นั้นมีมากมาย พอร์ตเก่าๆ อย่าง Serial Port หรือ Parallel Port นั้นหายากเต็มทีแล้ว ที่เจอส่วนใหญ่จะเป็นพอร์ต USB แต่ก็มีปรินเตอร์จำนวนไม่น้อยที่มีพอร์ต Ethernet มาให้ต่อแลนเพื่อแชร์ปรินเตอร์ได้ด้วย ปรินเตอร์รุ่นใหม่หน่อยสามารถเชื่อมต่อผ่าน WiFi ได้ด้วยซึ่งทำให้เราสามารถสิ่งปรินท์งานจากมือถือก็ยังได้

Wifi Printer480

รู้ 4 หน่วยความจำของปรินเตอร์: ปรินเตอร์นั้นไม่สามารถปรินท์งานที่สั่งทั้งหมดได้ทันทีดังนั้นจึงต้องมีหน่วยความจำเพื่อรับและพักงานก่อนจะจัดส่งให้ส่วนที่ทำหน้าที่ปรินท์เป็นลำดับๆ ไป ขนาดหน่วยความจำนั้นมักจะแปรผันตามความเร็วการพิมพ์ ปรินเตอร์อิงค์เจ็ตส่วนใหญ่มีจะหน่วยความจำไม่มากเมื่อเทียบกับปรินเตอร์เลเซอร์ซึ่งพิมพ์ได้เร็วกว่า ปรินเตอร์ที่แชร์ได้ (เช่นมีพอร์ต Ethernet หรือ WiFi) มักจะมีหน่วยความจำที่ใหญ่เพราะต้องรองรับงานจำนวนมาก เช่นในกรณีที่คนครึ่งออฟฟิสสั่งปรินท์งานพร้อมๆ กัน ดังนั้นถ้าซื้อปรินเตอร์ไปใช้ในบ้านก็ไม่ต้องกังวลเรื่องหน่วยความจำเลยก็ได้ แม้จะไม่ใช่ปรินเตอร์รุ่นที่มีพอร์ต Ethernet หรือ WiFi แต่ก็อาจจะเชื่อมต่อกับเน็ตเวิร์คผ่านคอมฯ ที่ตั้งเป็นเครื่องเซิร์พเวอร์ก็ได้ ดังนั้นถ้าซื้อไปใช้ในที่ทำงานควรเลือกที่มีหน่วยความจำเยอะหน่อย

รู้ 5 มัลติฟังก์ชั่น/All-in-one: ปรินเตอร์แบบมัลติฟังก์ชั่นคือปรินเตอร์ที่สามารถทำได้มากกว่าแค่ปรินท์งาน โดยรวมความสามารถอื่นๆ เช่น สแกนเอกสาร โทรสาร หรือแม้แต่ถ่ายเอกสาร เข้าไว้ด้วยกัน ทำให้เราไม่ต้องไปซื้อสแกนเนอร์แยกมาต่างหากให้เสียค่าใช้จ่ายมากขึ้น โฮมออฟฟิส์หรือแม้แต่สำนักงานขนาดย่อมก็ได้ประโยชน์จากปรินเตอร์แบบมัลติฟังก์ชั่นโดยเฉพาะการถ่ายเอกสาร ซึ่งยิ่งถ้าเป็นแบบเลเซอร์ด้วยก็ยิ่งคุ้มค่าและมีต้นทุนสูงกว่าเครื่องถ่ายเอกสารไม่มากนัก โทรสารนั้นอาจจะไม่บูมและจำเป็นเหมือนสมัยก่อนแต่ก็ยังมีใช้กันอยู่ไม่น้อย ถ้าใครรับ-ส่งโทรสารบ่อยๆ ปรินเตอร์แบบมัลติฟังก์ชั่นน่าจะตอบโจทย์ของคุณได้ดีเชียวครับ แต่ข้อควรระวังของปรินเตอร์แบบนี้คือมันทำได้หลายอย่างก็จริงแต่เรื่อคุณภาพจะสู้อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เฉพาะอย่างสแกนเนอร์หรือเครื่องถ่ายเอกสารไม่ได้ ซึ่งเป็นสาเหตุที่พวกมือโปรฯ ไม่ค่อยจะใช้ปรินเตอร์แบบมัลติฟังก์ชั่น อีกสาเหตุหนึ่งคือปรินเตอร์มัลติฟังก์ชั่นเนี่ยถ้าส่วนใดส่วนหนึ่งเสียมันก็มักจะพาให้ส่วนอื่นๆ เสียตามไปด้วย ดังนั้นถ้าเน้นคุณภาพการใช้งานและความทนทานแนะนำให้ซื้อเป็นอุปกรณ์แยกชิ้นต่างหากไปจะดีกว่า จะปรินท์งานก็ซื้อปรินเตอร์ จะสแกนก็ซื้อสแกนเนอร์ แต่ถ้าเน้นความคุ้มค่า…จัดไปได้เลยครับ

HP Deskjet Ink Advantage 4615 All-in-One (Custom)

รู้ 6 ระบบปฏิบัติการที่รองรับ: เรื่อง OS ไม่รองรับซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องไดรเวอร์ด้วยนี้ไม่ค่อยเป็นปัญหาเท่าไหร่แล้วในสมัยนี้ เพราะผู้ผลิตปรินเตอร์มักจะทำไดรเวอร์ไว้รองรับ OS ยอดนิยมไว้หมดแล้วไม่ว่าจะเป็น OS X หรือ Windows แต่ถ้าเป็น OS สายพันธุ์ Linux นั้นอาจจะต้องเช็คกันอีกทีเพราะบางครั้งบางคราวก็ไม่มีไดรเวอร์สำหรับ Linux แต่คนใช้ Linux ส่วนมากก็กังวลอยู่แล้วเพราะสามารถหาไดรเวอร์แบบ Custom ได้จากอินเตอร์เน็ต ดังนั้นสิ่งที่ต้องระวังเกี่ยวกับ OS คือเรื่องเวอร์ชั่น คนที่ใช้ OS เวอร์ชั่นเก่าๆ อย่าง Windows 98 อาจจะหาไดรเวอร์ลำบากหน่อย แต่ถ้าใช้ OS ร่วมสมัยอย่าง XP, 7 ก็ไม่น่ามีปัญหาแต่อย่างใด

รู้ 7 วัฏจักรการใช้งานหรือ Duty Cycle: Duty cycle นั้นคือจำนวนสูงสุดหน้าที่ผู้ผลิตปรินเตอร์แนะนำให้ใช้ต่อเดือน เช่น 1000 หน้าต่อเดือนเป็นต้น แต่ไม่ใช่ว่าถ้า Duty cycle เป็น 1000 เราจะไม่สามารถปรินท์เกินกว่านั้นได้ ได้ครับ…แต่ปรินเตอร์จะเสื่อมสมรถภาพเร็วกว่ากำหนด ในทางกลับกันถ้าเราปรินท์ไม่ถึง Duty cycle อายุการใช้งานปรินเตอร์ก็มีโอกาสที่จะสูงขึ้น ถ้าซื้อปรินเตอร์ไปใช้งานตามบ้านก็ไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่อง Duty cycle เท่าไหร่เพราะคงยากที่เราจะปรินท์เป็นพันๆ แผ่นต่อเดือน ถ้าเป็นสำนักงานหรือร้านถ่ายเอกสารก็ว่าไปอย่าง อีกอย่างคือปรินเตอร์สมัยนี้มี Duty cycle ค่อนข้างสูง ปรินเตอร์เลเซอร์ส่วนใหญ่จะมี Duty cycle ประมาณ 10000 หน้าต่อเดือนแทบทั้งนั้น

รู้ 8 ปรินท์หน้า-หลัง: แต่ก่อนถ้าเราจะปรินท์ทั้งด้านหน้าและหลังของกระดาษก็ต้องมานั่งกลับกระดาษนั่งเล็งกันเอาเอง แต่ปรินเตอร์สมัยใหม่หลายรุ่นมีฟีเจอร์ปรินท์หน้า-หลังอัตโนมัติ (ADF) ฟีเจอร์นี้แล้วแต่ความต้องการของแต่ละคนแต่ถ้าถามผมมีไว้ก็ดี…แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร ปรินเตอร์หลายรุ่นถึงจะไม่มีฟีเจอร์ปรินท์หน้า-หลังอัตโนมัติแต่ก็มีซอพแวร์หรือคู่มือแนะนำวิธีปรินท์หน้า-หลังแบบง่ายๆ ด้วย วิธีที่ดีที่สุดคือหาคู่มือมาลองอ่านก่อนซื้อหรือหาข้อมูลจากเวปครับ

รู้ 9 กระดาษที่รองรับ: คนส่วนมากใช้กระดาษ A4 ในการปรินท์ แต่บางครั้งบางคราวเรามีความจำเป็นต้องก็ใช้กระดาษที่ต่างออกไป เช่น บางครั้งเราต้องการปรินท์จ่าหน้าซองจดหมายเพราะดูเรียบร้อยและเป็นทางการดี หรือบางคนทำงานกับกระดาษขนาดที่ไม่ใช่ A4 ก็มีให้เห็นอยู่ไม่น้อย จึงเป็นเรื่องดีกว่าถ้าเราจะมองหาปรินเตอร์ที่สามารถใช้งานกับกระดาษได้หลายรูปแบบ แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูความจำเป็นและความคุ้มค่ากับราคาด้วย เพราะปรินเตอร์ที่รองรับกระดาษได้หลายๆ ขนาดมักมีราคาสูงกว่าปรินเตอร์ที่รองรับแต่กระดาษ A4

รู้ 10 Accessories: อันนี้หมายถึงของสัพเพเหระทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับปรินเตอร์ ที่สำคัญที่สุดเห็นจะเป็นหมึก/โทนเนอร์กับกระดาษ อย่างที่บอกไปว่าราคาปรินเตอร์อิงค์เจ็ตนั้นถูกก็จริงแต่ถ้าต้องเปลี่ยนตลับหมึกบ่อยๆ เพราะหัวตันหรือหมึกแห้งก็จะทำให้ค่าใช้จ่ายโดยรวมสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปรินเตอร์เลเซอร์ที่อยู่โทนเนอร์ปรินท์ได้มากกว่าและไม่จู้จี้เรื่องใช้งานบ่อยหรือไม่บ่อย กระดาษก็เป็นเรื่องสำคัญโดยเฉพาะถ้าคุณซื้อปรินเตอร์แบบโฟโต้ไปปรินท์รูป ต้องตรวจสอบให้ดีกว่ากระดาษแบบไหนที่ปรินเตอร์รองรับได้หรือไม่ได้ แบบไหนจะดีที่สุดแบบไหนไม่ควรใช้ เพราะการใช้กระดาษผิดบางครั้งนอกจากมีผลต่อคุณภาพของงานแล้วยังมีผลต่อตัวปรินเตอร์อีกด้วย

ทั้งหมดนี้เป็นความรู้และข้อคิดเบื้องต้นในการเลือกซื้อปรินเตอร์…ไม่ยากใช่มั้ยล่ะครับ หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้การเลือกซื้อปรินเตอร์ครั้งต่อไปของทุกท่านเป็นเรื่องง่ายนะครับ วันนี้เวลาหมดแล้ว โอกาสหน้าพบกันใหม่สวัสดีครับ

 

 

Latest

ใช้ Synology NAS เป็น uptime monitoring ด้วยแอพ uptime-kuma สั่ง alert ผ่าน Line ได้ด้วย

สำหรับแอดมินที่ต้องดูแลหลายๆ เว็บไซต์ สิ่งที่จำเป็นก็คือเครื่องมือที่เรียกว่า uptime monitoring ที่คอยเตือนเมื่อเกิดเหตุการณ์เว็บล่ม เพราะบางครั้งแค่เว็บล่มเพียงไม่กี่นาที ก็ทำให้เกิดความเสียหายหลายแสนทีเดียว บริการ uptime...

เตือนภัยถึงแอดมิน ระวังเฟซบุ๊กถูกแฮกไม่รู้ตัว

ช่วงนี้มิจฉาชีพระบาดหนัก ล่าสุดผมเองก็โดนกับตัวผ่านทาง facebook เลยอยากจะมาเตือนเพื่อนๆ ทุกคน โดยบล็อกนี้ผมจะแฉวิธีการและวิธีสังเกตการหลอกเอาข้อมูลของเรา รู้ไว้จะได้รู้เท่าทันพวกมิจฉาชีพเหล่านี้ครับ 2 ขั้นตอนหลัก ที่มิจฯ...

หยอดปุกรอ!! 4 รถแบรนด์ดัง พลังงานไฮโดรเจน น่าจับตาปี 2023

สำหรับปี 2023 เป็นต้นไปนี้ เราจะเห็นรถพลังงานไฮโดรเจนเปิดตัวมากขึ้น ดูเหมือนทุกค่ายจะซุ่มทำรถไฮโดรเจนของตัวเอง แล้วเหมือนจะนัดกันเปิดตัวในปีนี้พร้อมๆ กัน

Windows Search ห่วย ใช้ Listary ช่วยคุณได้

คิดว่าหลายคนที่ใช้วินโดวส์เป็นหลัก น่าจะรู้สึกเหมือนผม คือรำคาญระบบค้นหา หรือช่อง search ของวินโดวส์ เพราะช้า แถมหาอะไรก็ไม่ค่อยเจอ ...

Newsletter

Don't miss

ใช้ Synology NAS เป็น uptime monitoring ด้วยแอพ uptime-kuma สั่ง alert ผ่าน Line ได้ด้วย

สำหรับแอดมินที่ต้องดูแลหลายๆ เว็บไซต์ สิ่งที่จำเป็นก็คือเครื่องมือที่เรียกว่า uptime monitoring ที่คอยเตือนเมื่อเกิดเหตุการณ์เว็บล่ม เพราะบางครั้งแค่เว็บล่มเพียงไม่กี่นาที ก็ทำให้เกิดความเสียหายหลายแสนทีเดียว บริการ uptime...

เตือนภัยถึงแอดมิน ระวังเฟซบุ๊กถูกแฮกไม่รู้ตัว

ช่วงนี้มิจฉาชีพระบาดหนัก ล่าสุดผมเองก็โดนกับตัวผ่านทาง facebook เลยอยากจะมาเตือนเพื่อนๆ ทุกคน โดยบล็อกนี้ผมจะแฉวิธีการและวิธีสังเกตการหลอกเอาข้อมูลของเรา รู้ไว้จะได้รู้เท่าทันพวกมิจฉาชีพเหล่านี้ครับ 2 ขั้นตอนหลัก ที่มิจฯ...

หยอดปุกรอ!! 4 รถแบรนด์ดัง พลังงานไฮโดรเจน น่าจับตาปี 2023

สำหรับปี 2023 เป็นต้นไปนี้ เราจะเห็นรถพลังงานไฮโดรเจนเปิดตัวมากขึ้น ดูเหมือนทุกค่ายจะซุ่มทำรถไฮโดรเจนของตัวเอง แล้วเหมือนจะนัดกันเปิดตัวในปีนี้พร้อมๆ กัน

Windows Search ห่วย ใช้ Listary ช่วยคุณได้

คิดว่าหลายคนที่ใช้วินโดวส์เป็นหลัก น่าจะรู้สึกเหมือนผม คือรำคาญระบบค้นหา หรือช่อง search ของวินโดวส์ เพราะช้า แถมหาอะไรก็ไม่ค่อยเจอ ...

รวม 22 คีย์ลัด Windows Key ที่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นพันเปอร์เซ็นต์

ปุ่ม Windows Key หน้าตาแบบนี้ ไม่ได้มีไว้ใช้แค่เรียกเมนู Start ขึ้นมาเท่านั้นนะครับ แต่ตัวมันใช้เป็นคีย์ลัดสำหรับการการทำงานบนวินโดวส์ได้หลายอย่างมาก วันนี้ผมขอรวบรวมคีย์ลัดของปุ่มนี้...

ใช้ Synology NAS เป็น uptime monitoring ด้วยแอพ uptime-kuma สั่ง alert ผ่าน Line ได้ด้วย

สำหรับแอดมินที่ต้องดูแลหลายๆ เว็บไซต์ สิ่งที่จำเป็นก็คือเครื่องมือที่เรียกว่า uptime monitoring ที่คอยเตือนเมื่อเกิดเหตุการณ์เว็บล่ม เพราะบางครั้งแค่เว็บล่มเพียงไม่กี่นาที ก็ทำให้เกิดความเสียหายหลายแสนทีเดียว บริการ uptime monitoring สมัยนี้มีหลากหลายเจ้า ปกติจะเก็บค่าบริการกันแบบ subscription รายเดือน แต่ถ้าใครไม่อยากจ่ายตังค์ วันนี้ผมมีโซลูชั่น สำหรับใครที่มีการใช้งาน NAS อยู่แล้ว เราจะเอา NAS มาทำเป็น uptime monitoring...

เตือนภัยถึงแอดมิน ระวังเฟซบุ๊กถูกแฮกไม่รู้ตัว

ช่วงนี้มิจฉาชีพระบาดหนัก ล่าสุดผมเองก็โดนกับตัวผ่านทาง facebook เลยอยากจะมาเตือนเพื่อนๆ ทุกคน โดยบล็อกนี้ผมจะแฉวิธีการและวิธีสังเกตการหลอกเอาข้อมูลของเรา รู้ไว้จะได้รู้เท่าทันพวกมิจฉาชีพเหล่านี้ครับ 2 ขั้นตอนหลัก ที่มิจฯ ใช้มาหลอกเรา ส่งข้อความมาทาง inbox แจ้งว่าเพจทำผิดกฎ หรือ ละเมิดกฎเฟซบุ๊ก ให้กดลิงค์ เพื่อยืนยันตัวตน ไม่งั้นจะบล็อกเพจถาวร พอเรากดลิงค์เข้าไป จะเจอกับหน้าเพจ (คล้าย) เฟซบุ๊ก ซึ่งมีฟอร์มให้เราใส่ข้อมูลต่างๆ รวมถึง ชื่อเพจ อีเมล...

หยอดปุกรอ!! 4 รถแบรนด์ดัง พลังงานไฮโดรเจน น่าจับตาปี 2023

สำหรับปี 2023 เป็นต้นไปนี้ เราจะเห็นรถพลังงานไฮโดรเจนเปิดตัวมากขึ้น ดูเหมือนทุกค่ายจะซุ่มทำรถไฮโดรเจนของตัวเอง แล้วเหมือนจะนัดกันเปิดตัวในปีนี้พร้อมๆ กัน

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here